เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์  (อ่าน 26780 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 05:45:38 PM »
ปฏิปทาพระโพธิสัตว์

... ข้อปฏิบัตินี้ท่านครูบาอาจารย์หลวงพ่ออภิญญา อาจาโร วัดป่าวิเวกอาศรม จ.ร้อยเอ็ด ท่านสอนผมมาตั้งแต่ท่านให้ปรารถนาพุทธภูมิ เลยเอามาลงไว้ เผื่อจะมีประโยชน์แก่ทุกท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิครับ

... ๑. เราจะหมั่นทำบุญตักบาตร ทำทานการสงเคราะห์คนและสัตว์ให้เป็นปกติ โดยเฉพาะ การถวายสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ทำบุญทอดกฐิน และสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง บ่อน้ำ เป็นต้นฯ.

... ๒. เราจะรักษาศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วน ทั้งศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ รวมกันแล้ว มีดังนี้.

ทางกาย

... ไม่ฆ่าสัตว์และทรมานสัตว์ให้ได้รับความลำบาก.

... ไม่ลักขโมยทรัพย์สินข้าวของเงินทอง ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง.

... ไม่ประพฤติผิดในกามเล่นชู้ ทั้งผัวเขา ทั้งเมียเขา ทั้งลูกหลาน หรือคนในปกครองของคนอื่น .

... ไม่ดื่มสุราเมรัยและสิ่งเสพย์ติดทุกชนิด ที่ทำให้สติสัมปะชัญญะเลอะเลือน.


ทางวาจา
... ไม่พูดจาโกหกหลอกลวง.

... ไม่พูดคำหยาบคาย.

... ไม่พูดจาส่อเสียด ให้คนอื่นหรือหมู่คณะเขาแตกแยกกัน.

... ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระประโยชน์.


ทางใจ

... ไม่คิดเพ่งเล็งอยากจะลักขโมย ฉ้อโกง แย่งชิงของคนอื่น มาเป็นของตนเอง.

... ไม่คิดผูกเวร พยาบาท อาฆาต จองล้างจองผลาญใครๆ.

... ไม่มีความเห็นผิด คือ คัดค้านคำสั่งสอนองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเด็ดขาด.

... *** ทางกายในวันธรรมดาอาจบกพร่องบ้างในบางข้อเพราะต้องทำมาหากิน แต่ในวันพระขอให้รักษาให้ครบถ้วน ฯ.

... ๓. มีพรหมวิหาร ๔ ประจำใจ คือ.

... เมตตา มีความรักในคนและสัตว์เสมอด้วยตัวเราเอง.

... กรุณา ช่วยเหลือคนหรือสัตว์ที่มีความทุกข์ยากลำบากให้มีความสุข ตามความสามารถที่เราจะทำได้.

... มุทิตา ยินดีกับผู้อื่นเมื่อเขาได้ดี ไม่คิดอิจฉาริษยา.

... อุเบกขา วางเฉยเมื่อเห็นคนและสัตว์มีความทุกข์ยากลำบาก หากมีโอกาสเราช่วยตามกำลังของเราทันที.

... ๔. มีความเคารพเลื่อมใส เชื่อในคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คุณของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และคุณของพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย อย่างมั่นคงจริงใจไม่หวั่นไหว ฯ.

... ๕. นึกถึงความตายเอาไว้เป็นปกติ ปกติในที่นี้คือ ว่างๆ นึกขึ้นมาได้ก็คิดว่า " ชีวิตนี้เป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง ไม่นานเราต้องตายแน่นอน " คิดไว้บ่อยๆ เพื่อจะได้ไม่ประมาทในชีวิต ฯ.

... ๖. ก่อนนอนทุกวันสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิเสร็จแล้ว พอหัวถึงหมอนขอให้ท่านคิดว่า

... " ร่างกายของเรานี้มันไม่เที่ยง มีแต่ความทุกข์หาความสุขไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องแตกตายสลายตัวไป ร่างกายนี้ตายเมื่อไหร่ เราจะไปพระนิพพานเมื่อนั้น " (ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นพระอรหันต์ เพราะนี่เป็นอารมณ์ของอุปสมานุสสติกรรมฐาน เป็นอารมณ์สมถภาวนา)

... แล้วดูลมหายใจเข้าออก โดยหายใจเข้าภาวนาว่า " พุท " หายใจออกภาวนาว่า " โธ " จนกว่าจะหลับไป ตื่นนอนก่อนลุกจากที่นอนก็ภาวนาและพิจารณาเหมือนตอนก่อนนอนอีกสักนาทีสองนาที ค่อยลุกจากที่นอนไปทำกิจธุระต่างๆ


ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 05:53:23 PM »
พระพุทธภาษิต

จะชะ ทุชชะนะสัคคัง
จงละเว้นการคบคนชั่ว

ภะชะ สาธุมาคะตัง
จงหมั่นสมาคมด้วยบัณฑิต

กะระ ปุญญะมะโหรัตตัง
จงหมั่นประกอบการบุญทั้งกลางวันและกลางคืน

สะระ นิจจะมะนิจจะตัง
จงระลึกถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสังขารคือ ร่างกายนี้ ไว้เสมอ ฯ.


อัปปัง วา พะหุง วา
เครื่องบูชาจะน้อยก็ดี จะมากก็ดี ไม่เป็นประมาณในการทำบุญ

จิตเต ปะสันเน
บุญจะมากจะน้อย ก็อาศัยแก่จิตที่เลื่อมใสเป็นประมาณ

ติฏฐะติ วา นิพพุติ วา
สมเด็จพระพุทธเจ้าจะทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
หรือจะเสด็จล่วงลับดับขันธ์สู่พระปรินิพพานก็ดี
บุคคลทั้งปวง ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส กราบไหว้บูชาอยู่แล้วก็ย่อมมีผลเสมอกันแล ฯ.

ชนทั้งหลายผู้ใคร่ต่อบุญ ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์
ทานของเขาเหล่านั้น ชื่อว่า เป็นทานที่ถวายดีแล้ว
เพราะทานนั้นจัดเป็นสังฆทาน มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
อันสมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลก ทรงสรรเสริญ ฯ.

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 05:56:06 PM »
โอวาทพระองค์ที่ ๑๐ (พระสมณโคดมพุทธเจ้า)
แนะนำพระโพธิสัตว์

..... เธอเห็นใหมว่า พุทธภูมิใหญ่กว่าพระอริยเจ้าขนาดใหน เพราะฉะนั้นเธออย่าสงสัยเลย การปฏิบัติอะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำด้วยจิตเป็นบุญเป็นกุศล เข้าขั้นพระศาสนาแล้ว จะเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอริยเจ้า หรือหวังสาวกภูมิก็แล้วแต่ หรือว่าจะเป็นความดีทุกสิ่ง ทีนี้ความดีที่เกิดขึ้น มันใหญ่มันน้อยมันมากแล้วแต่กำลังของสัตว์หรือว่าช้าง ถ้าช้างตัวเล็กมันก็ยกของได้น้อยๆ ถ้าตัวใหญ่มันก็ยกของได้มากๆ ฯ.

..... การปฏิบัติบารมีจำเป็นต้องมีกำลังใจ การปฏิบัติอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีกำลังใจเข้มแข็งพอสมควร สิ่งทั้งหลายที่ปฏิบัติย่อมสัมฤทธิ์ผลโดยเร็วไว ถ้ากำลังใจไม่ค่อยแน่วแน่ ขาดตกบกพร่อง มีมั่งไม่มีมั่ง ขาดๆเกินๆก็ต้องใช้เวลานานหน่อยล่ะ ฯ.

..... เพราะฉะนั้น การหวังพุทธภูมิ แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน ก็ได้ชื่อว่าสมควรที่จะกราบไหว้บูชา เพราะไม่ใช่ร่างสัตว์ธรรมดา แต่เป็นร่างของพระโพธิสัตว์ ฯ.

(ถอดความจากเทป คำสอนพระองค์ที่ ๑๐)

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 05:57:56 PM »
โอวาทหลวงปู่ปานสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ให้เร่งสะสมบุญบารมี

..... การบำเพ็ญบารมีเพื่อพุทธภูมิ เราจะหวังไปบำเพ็ญบารมีต่อในการเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมน่ะไม่มีทาง ไม่เหมือนกับสาวกภูมิ

... สาวกภูมิสามารถบำเพ็ญบารมีต่อบนสวรรค์หรือพรหมได้ แต่ถ้าบำเพ็ญบารมีเพื่อพุทธภูมิแล้ว จะบำเพ็ญบารมีนอกจากความเป็นมนุษย์ไม่ได้

... ฉะนั้น ก่อนที่เราจะตายถ้าบารมีใดยังอ่อนอยู่ ก็ควรจะส่งเสริมให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มก็ให้ใกล้เต็มเข้าไป ทนลำบากเอาเพื่อพุทธภูมิ เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า

... เพราะการปฏิบัติเพื่อการเป็นพระพุทธเจ้า ก็เพื่อทำลายความทุกข์ บำรุงความสุขให้แก่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก หรือชี้ช่องบอกทางให้พ้นอบายภูมิเป็นอย่างน้อย แล้วก็แนะนำให้เข้าถึงพระนิพพานเป็นที่สุด ฯ.

... พวกพุทธภูมินี่ ถ้ายังไม่มีอารมณ์ต้องการพระนิพพาน แสดงว่าบารมียังอ่อนมาก ต้องสร้างบารมีกันอีกนานหลายอสงไขย ฯ.


ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 07:06:02 PM »
พระเวสสันดรมหาโพธิสัตว์
โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด
     
... วันนี้จะมีการเทศน์มหาชาติของพระพุทธเจ้า  ครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร 

... แปลว่า  ชาติที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์  ที่ทรงก้าวผ่าน วัฏฏะสงสารมาด้วยทรงบำเพ็ญมหาทาน   ซึ่งเป็นทานใหญ่และอัศจรรย์   

... แปลว่า  ชาติสุดท้ายที่ทรงทุ่มเทพระกำลังลงเพื่อพระสัพพัญญูด้วยความกล้าหาญต่อแดนพ้นทุกข์(คือพระนิพพาน) 

... และแปลว่า  การประมวลภพชาติซึ่งเป็นสมบัติของพระองค์ที่ทรงท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน  ลงในพระชาติของพระเวสสันดร
     
... พระพุทธเจ้า ครั้งเป็นพระเวสสันดร  พระองค์ทรงทำอย่างไร 

... ในพระคาถาของพระเวสสันดรชาดกมีมากมาย(ถึงหนึ่งพันพระคาถา)  แต่จะยกมาแสดงเพียงย่อๆ  ว่า


๑. ทานัง เทติ 
พระเวสสันดรท่านทรงให้ทาน

๒. สีลัง รักขะติ 
พระเวสสันดรท่านทรงรักษาศีล

๓. ภาวะนาวัง ภาเวตฺวา
พระเวสสันดรท่านทรงเจริญภาวนา
     
... จึงเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา  และกลายเป็นศาสดาของโลกทั้ง ๓ ( คือ มนุสสโลก  เทวโลก  พรหมโลก ) นี่คือหลักธรรมเครื่องดำเนินของพระเวสสันดรที่ทรงดำเนินมาเป็นลำดับ  จนบรรลุถึงความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์ 

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 09:14:17 PM »
... ธรรมทั้งนี้ท่านประทานไว้เพื่อพุทธบริษัท  คือ  พวกเราจะตามเสด็จพระองค์ท่านตามกำลังภูมินิสัยวาสนาของแต่ละท่าน  ถ้าจะกล่าวถึงการบำเพ็ญ(บารมี) และฝ่าฝืนความทุกข์ทรมานในคราวเป็นพระเวสสันดรนั้น  จะเห็นได้ว่าเป็นการยากลำบากแสนสาหัส  และไม่มีใครกล้าทำได้เหมือนอย่างพระองค์
       
... การบำเพ็ญทานก็เป็นความอัศจรรย์  อาจจะกล่าวได้ว่าพระองค์คว้าประวัติศาสตร์แห่งการเสียสละของคนสมัยนั้น  โดยไม่มีใครสามารถจะเป็นคู่แข่งได้  ประหนึ่งว่าฟ้าดินอันแสนกว้างจะถล่ม  เพราะความเลื่องลือกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปทุกแห่งทุกหนทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง
     
... ชาวเมืองเกิดความไม่ยินดีและไม่พอใจในการบำเพ็ญของพระองค์  (พระเวสสันดร)ถูกกล่าวหาว่าให้ทานช้างมงคลประจำเมืองประจำแผ่นดิน  จนเกิดฟ้องร้องกันขึ้น  โดยตั้งข้อหาว่า  พระเวสสันดรเป็นคนขวางโลก  ไม่สมควรเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินต่อไป  ถ้าฝืนให้อยู่บ้านเมืองและแผ่นดินจะล่มจม  ฝ่ายพระบิดาซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งการรับฟ้องร้องของคนทั้งแผ่นดิน  ด้วยพระปรีชาฉลาดท่านก็ทรงบรรเทาเหตุร้ายซึ่งกำลังเกิดขึ้น  โดยพระอุบายให้พระเวสสันดรพระลูกรักเหมือนดวงหทัย  ขยับขยายออกจากเมืองตามเหตุการณ์ก่อน  พอมีทางแก้เหตุร้ายให้สงบลง

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 09:15:18 PM »
... ฝ่ายพระเวสสันดรหน่อพระสัพพัญญูผู้ทรงธรรม  มีพระทัยเต็มไปด้วยพระเมตตาต่อสัตว์ผู้ยากจน  และมีพระราชศรัทธาอันกว้างขวางเหมือนท้องฟ้ามหาสมุทร  เมื่อทรงสดับพระดำรัสจากพระราชบิดาผู้บังเกิดเกล้าแล้ว  ทรงน้อมพระเศียรรับและปฏิบัติตามด้วยความพอพระทัยมิได้ขัดขืน  แม้เช่นนั้นก่อนจะเสด็จอออกจากพระนคร  ยังทรงขอยับยั้งไว้ชั่วกาล (๗  วัน)  พอได้ให้บริจาคทานให้พอพระทัยก่อน  แล้วก็เสด็จออกจากพระนครด้วยพระอาการยิ้มแย้มแจ่มพระทัย  ซึ่งสมกับพระองค์เป็นพระเวสสันดรผู้เป็นจอมให้ทานในโลก  อันไม่มีใครเสมอเหมือน  ไม่ทรงมีพระอาการหวั่นไหว  เพราะความไม่พอใจและการขับไล่ของชาวเมือง  ทรงเปี่ยมด้วยพระราชศรัทธาทั้งการเสด็จไป  เสด็จอยู่ในป่า  และเสด็จกลับสู่พระนครตามคำทูลให้เสด็จกลับ
     
... การเสด็จออกจากพระนคร  มีพระนางมัทรีและพระราชโอรสพระธิดาดวงหทัยตามเสด็จ  การเสด็จออกจากพระนครทั้งนี้   พระเวสสันดรทรงปฏิบัติให้เป็นที่พอใจของชาวเมือง  แต่การบริจาคซึ่งเป็นธรรมประจำพระนิสัยของหน่อพระโพธิญาณ  ผู้จะทรงรื้อขนสัตว์โลกให้ข้ามตามเสด็จ  พระเวสสันดรไม่เคยลดหย่อนอ่อนพระทัยตามใคร  และไม่ทรงยอมอยู่ใต้อำนาจของผู้ใดทั้งนั้น  แม้จะเสด็จเข้าอยู่ในดงหนาป่าทึบแร้นแค้นกันดารเหมือนแดนนรก  อันใครๆไม่พึงปรารถนาก็ตาม  พระองค์ยังพอพระทัยในที่เช่นนั้น  และทรงบำเพ็ญทานไม่เคยลดละ  เมื่อไม่มีอะไรจะทรงบริจาคก็ทรงยกพระลูกรักทั้งสอง  บริจาคให้แก่พราหมณ์(ชูชก)ผู้จนมุมมาร้องขอ  และไม่ทรงถือพระลูกรักทั้งสองให้เป็นอุปสรรคต่อทานบารมีเพื่อความเป็นศาสดาของโลกเลย
     
... เมื่อทรงบริจาคไปแล้ว  แม้พราหมณ์ผู้มีนิสัยโหดร้ายไร้ศีลธรรม  จะเฆี่ยนตีพระลูกรักทั้งสองต่อพระพักตร์โดยไม่เกรงขามพระบารมีก็ตาม ก็ทรงทอดอาลัยไม่ทรงกริ้วโกรธต่อพราหมณ์เลย  เพราะทรงถือว่าเป็นทานที่บริจาคให้เป็นของคนอื่นด้วยความบริสุทธิ์พระทัยแล้ว  ไม่เพียงพระลูกรักซึ่งเทียบกับพระเนตรทั้งสองที่บริจาคให้แก่พราหมณ์ไปแล้ว  ยังทรงยกพระนางมัทรีคู่พระบารมี  ผู้เปรียบเหมือนดวงหทัยให้แก่(อินทะ)พราหมณ์ผู้มาร้องขอในอันดับต่อมาอีก  ด้วยความพอพระทัยมิได้ทรงอิดเอื้อนซึ่งเป็นเหตุให้ปลีกแวะจากทานบารมีเพื่อพระโพธิญาณเลย  และยังทรงอุทานเพื่อสละเลือดเนื้อและชีวิตทุกพระอาการแก่ผู้มุ่งมาขออีก  ไม่ทรงอาลัยในพระกายและจิตใจแม้แต่น้อย

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 09:26:41 PM »
... การที่ทรงบำเพ็ญทานบารมีได้อย่างเต็มพระทัยนี้  เนื่องจากที่ทรงอาศัยอยู่ในสถานที่ที่โลกเห็นว่า  เป็นที่อยู่ของบุคคลผู้จนมุม  แต่สำหรับพระเวสสันดรกลับทรงเห็นว่า 

... เป็นที่เวิ้งว้างจากภาระหนักและอารมณ์เครื่องกังวลใจ ทั้งการบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี ตลอดอุเบกขาบารมี ซึ่งเป็นธรรมเครื่องส่งเสริมทุกประเภท พระเวสสันดรทรงมีโอกาสได้บำเพ็ญอย่างพอพระทัยในเวลานั้น
     
... การบำเพ็ญที่แสนยากลำบากและเต็มไปด้วยความชอกช้ำ  เพราะการกระทบกระเทือนนานาประการ  ทั้งเป็นการขัดขวางทางดำเนินของพระเวสสันดร 

... หากกรรมดี  กรรมชั่วจะเป็นไปตามความตำหนิติชมของบุคคลแล้ว   

... พระเวสสันดรถึงกับต้องถูกเนรเทศเพราะการให้ทาน  ก็ไม่ควรจะรอดจากเหตุการณ์อันรุนแรงนั้นกลายมาเป็น พระ(สมณะโคดมปัญญาธิกะสัมมาสัม)พุทธเจ้าให้โลกกราบไหว้ได้  เพราะผลแห่งทานอันเป็นต้นเหตุนั้น

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 10:05:10 PM »
พระพุทธเจ้า ๓ ประเภท
จากหนังสือ โพธิสัตว์ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
   
... โห! ธรรมะพระพุทธเจ้า คิดดูซิว่าทรงปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามาสร้างโพธิญาณ โพธิสัตว์ๆ สัตว์ที่จะตรัสรู้ข้างหน้า ความหมาย จะเป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้า เรียกว่า โพธิสัตว์ ทรงปรารถนามานานสักเท่าไร เฉพาะพระพุทธเจ้าของเรานี้ไม่นาน ๔ อสงไขย แสนมหากัป ที่จะเป็นพระพุทธเจ้ามีอยู่ ๓ ประเภท
   
... ๑๖ อสงไขย แสนมหากัป นี้เป็นประเภทที่เยี่ยมที่สุด คำว่าเยี่ยมนี่หมายถึง สูงส่งในการแนะนำสั่งสอนสัตว์โลก รื้อขนสัตว์ได้มากกว่าบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ความรู้แจ้งแทงทะลุนั้นเหมือนกันหมด แต่อำนาจวาสนาเหมือนกับต้นไม้ กิ่งก้านสาขาดอกใบแผ่กระจายไปหมด อย่างที่เขาเรียกว่า ไทรงามๆ ต้นเดียวนี้แผ่ไปได้เป็นกิโล ไทรทั้งหลายก็มี แต่ไม่เหมือนกัน
   
... ประเภทที่สอง ๘ อสงไขย แสนมหากัป ฟังซิ นานไหม ท่านทำความปรารถนาที่จะเป็นศาสดาเอกสอนโลก รื้อขนสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากความล่มจมตายกองกัน มนุษย์ตายกองกันค่อยยังชั่ว ประเภทของเราคนเดียวนี้ มันไปตายกองอยู่ทุกภพ ทุกชาติ ทุกแห่ง ทุกหน ทุกประเภทของสัตว์ ใจดวงนี้นะ
   
... พระพุทธเจ้าของเรานี้ ๔ อสงไขย แสนมหากัป จึงได้มาตรัสรู้ พอตรัสรู้ผางขึ้นมานี้ ฟังซิ ทรงท้อพระทัย ความรู้ของพระศาสดาเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว ก็มามองดูสัตว์โลก เหมือนว่าจะดูไม่ได้ ทรงท้อพระทัย จะสอนไปทำไม ฟังซิ ธรรมเลิศขนาดไหน

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 10, 2014, 10:43:41 PM »
การให้ทานเป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
   
... การให้ทาน แปลว่า การให้ การเสียสละนั้นแล เขาได้รับมากน้อยก็มีความยิ้มแย้มแจ่มใส ตายใจจนกระทั่งถึงคนกับสัตว์เลยเป็นอันเดียวกัน ตายใจเป็นอันเดียวกัน เพราะอำนาจแห่งทานการเสียสละ นี้เป็นเครื่องสมานจิตใจให้ไม่ระแคะระคาย ไม่ระเวียงระวังกัน ให้สนิทตายใจต่อกันได้ระหว่างคนกับสัตว์
   
... เพราะฉะนั้น การให้ทานจึงเป็นของจำเป็นมาก เป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ก่อนที่จะตรัสรู้นี้ การให้ทานนี้เป็นเหมือนกันหมด บรรดาพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง อย่างพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกัน จวนเข้ามาเท่าไหร่ การให้ทานไม่หยุดไม่ถอย อย่างที่เราได้ตัวอย่างมาจากพระเวสสันดร ทานเสียจนหมดเนื้อหมดตัว
   
... นี่ล่ะการให้ทาน ท่านมีงดเว้นที่ไหน แม้แต่พระชายาคู่พึ่งเป็นพึ่งตายกัน ท่านยังยอมเสียสละได้ นี่ถึงคราวที่บารมีแก่กล้าแล้วในการให้ทาน ก็เสียสละจนไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว เพราะหวังโพธิญาณ ความหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิงในกาลข้างหน้า อาศัยทานเป็นเครื่องหนุนให้หลุดพ้นจากทุกข์เป็นลำดับลำดาไปพระองค์จึงทรงทำอย่างนั้น
   
... เพราะฉะนั้น บรรดาพระพุทธเจ้าจึงหนักแน่นในการให้ทาน ไม่มีใครเสมอได้เลย เมื่อได้ตรัสรู้ ก็ตรัสรู้ขึ้นจากการให้ทานนั้นแล เรื่องบารมี ๓๐ ทัศก็ขึ้นทานเป็นเบื้องต้น ทานบารมี คือ การให้ทาน แสดงความอัธยาศัยเชื่อมโยงถึงกันและกัน เพื่อความสนิทสนมจากการเสียสละต่อกัน นี่การให้ทาน จึงมีความจำเป็นอย่างมากทั้งสัตว์ บุคคล สัตว์อยู่กับคนได้ก็เพราะการให้ทานการเสียสละ 

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 11, 2014, 12:14:47 AM »
พระพุทธเจ้าเป็นนักเสียสละไม่มีใครเสมอเหมือน
โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
   
... ศาสดาองค์เอกเป็นนักเสียสละ ไม่มีใครเสมอพระศาสดาแต่ละพระองค์ๆ เลย

... ก่อนที่จะได้มาตรัสรู้นี้เสียสละจนไม่มีอะไรๆ เหลือเลย อย่างศาสดาของเรานี้สละลูกแล้วทานเมีย
   
... บางองค์อยู่ข้างหน้ามีอีกนะ อนาคตวงศ์ ๑๐ องค์ นอกจากพระอริยเมตไตรยซึ่งอยู่ในภัทรกัปนี้ ๕ พระองค์ พระพุทธเจ้า ของเราแล้ว ก็เป็นพระอริยเมตไตรยที่จะมาตรัสรู้นี้ จากนี้แล้วก็มีพระอนาคตวงศ์อีก ๑๐ องค์ ท่านเล็งไว้เรียบร้อยๆ

... ที่นี้ดูแต่ละองค์ๆ นี้แหม! เรียกว่าไม่มีใครทำได้เลย อ่านแล้วสลดสังเวชนะเรา นี่ท่านเหล่านี้ท่านจะทำได้อย่างนั้นว่างั้นเลย คือ พระพุทธเจ้านี้เล็งญาณดูแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ชื่อว่าอย่างนั้น ถึง ๑๐ องค์

... แล้วองค์นี้ท่านดำเนินเรื่องนักเสียสละแบบเดียวกัน เป็นแต่เพียงว่าแยกกันๆ เสียสละคนละอย่างๆ เด่นคนละอย่างๆ แต่เป็นนักเสียสละเหมือนกันหมด
   
... บางรายยักษ์มาขอลูก โอ๋ย! นี่ที่เราสลด พอยกลูกให้มัน มันไปกินลูกต่อหน้า กร้วมๆ กินลูกต่อหน้าเลย ท่านสลดใจปึ๋ง

... ในหนังสือบอกว่ามองเห็นดาบ ว่างั้นนะ จะฟันยักษ์ ทางนี้ก็รับกันปึ๋ง ลงจะเป็นศาสดาลูกคนเดียวเท่านี้ยังสละไม่ได้เหรอ เท่านั้นหยุดปึ๊กเลย นั่นเห็นไหมล่ะ ก็ลูกเราทั้งคนเลือดในหัวอกเรา มอบให้เขาแล้ว เขาไปกินต่อหน้า กินแบบยักษ์ว่างั้นเถอะกินต่อหน้า ทางนี้ก็สลดใจปึ๋งขึ้นมาทันทีเลย มองเห็นดาบจะคว้าดาบฟันนี่โพธิสัตว์นะ ทางนี้ก็ขึ้นต้อนรับกัน

... ขนาดจะเป็นพระพุทธเจ้าขนาดนั้นแล้ว ลูกคนเดียวเท่านี้ยังทานไม่ได้เหรอ เรื่องข้างหน้ายังหนาแน่นกว่านี้อีก หยุดปึ๊กเลย ให้ยักษ์เอาไปกิน นี่ในพระประวัติของพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นระยะๆ
   
... นั่นล่ะท่านได้เป็นศาสดาแต่ละองค์ โอ๋ย! ไม่มีใครทำได้ว่างั้นเลยนะ เพียงอ่านเท่านี้สลดเลย เราทำไม่ได้ เห็นแต่เรื่องของท่านที่เป็น อย่างพระพุทธเจ้าเป็นมาแล้วเป็นลำดับลำดามา อันนี้เอาลูกไปกินต่อหน้า นี้ก็มี ๑๐ องค์เป็นระยะๆ คือ ท่านทรงทำนายไว้ ทางนี้ก็จดจารึกเอาไว้ ท่านทำนายอย่างไร ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์นี้ ก็มีพระนามว่าอย่างนั้นๆ ต่อจากพระอริยเมตไตรยเราไป
   
... นี่ละคำว่า พุทธศาสนา นี้หมายถึง ศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งเป็นคู่โลกคู่สงสารเรื่อยมา คือ ศาสนาเดียวนี้เท่านั้น นอกจากนั้นก็เป็นศาสนาของคนมีกิเลส ไม่เรียกว่าศาสดาเป็นคู่บ้านคู่เมืองได้แหละ อันนี้เป็นศาสดาเป็นคู่บ้านคู่เมือง คู่โลกคู่สงสาร สืบทอดกันมาเรื่อยอย่างนี้ตลอดไป อันนี้เป็นมานานเท่าไรแล้ว เป็นอย่างนี้เรื่อย

... ทางนี้เป็นทางเดินของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่รื้อขนสัตว์โลก ทางสายของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์นี้ล่ะเป็นลำดับลำดาท่านแสดงไว้อย่างนี้   

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 13, 2014, 06:14:43 AM »
อัธยาศัยโพธิสัตว์
     
... ข้าแต่พระคุณผู้เจริญ โยมนี้เป็นพระโพธิสัตว์ ตั้งอยู่ในอัธยาศัย ๖ ประการ คือ
   
... ๑. เนกขัมมัชฌาสัย พอใจบวช รักเพศบรรพชิตนักบวชเป็นยิ่งนัก
   
... ๒. ปวิเวกัชฌาสัย พอใจอยู่ในที่เงียบสงัดวิเวกผู้เดียวเป็นยิ่งนัก
   
... ๓. อโลภัชฌาสัย พอใจบริจาคทาน และพอใจบุคคลผู้ไม่โลภ ไม่ตระหนี่เป็นยิ่งนัก
   
... ๔. อโทสัชฌาสัย พอใจในความไม่โกรธ แลมีความเมตตาสงสารแก่สัตว์ทั้งปวงยิ่งนัก
   
... ๕. อโมหัชฌาสัย พอใจในการที่จะพิจารณาสิ่งที่เป็นคุณแลโทษ เสพสมาคมกับคนมีสติปัญญายิ่งนัก
   
... ๖. นิสสรณัชฌาสัย พอใจที่จะยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร มีจิตประสงค์ตรงต่อพระนิพพานเป็นยิ่งนัก
   
... นี่แหละพระคุณเจ้าผู้เจริญ โยมนี้มีอัธยาศัย สิริรวมเป็น ๖ ประการ ติดอยู่ในขันธสันดานเป็นนิตย์ พระโพธิญาณของโยมจึงแก่กล้ายิ่งขึ้นทุกที เพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกาลบัดนี้ 


ท่านปรีชาทรงธรรมโพธิสัตว์(พระศรีอาริย์ฯ)สนทนากับพระมาลัยเถระ ที่ลานพระเกศแก้วจุฬามณี ดาวดึงสเทวโลก

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กันยายน 13, 2014, 06:19:33 AM »
บารมีนี้จัดเป็น ๓ ชั้น คือ
   
... ๑. บารมีต้น เรามีทานมีศีลเหมือนกัน แต่ว่าทานศีลมันบกพร่อง มันไม่ครบถ้วนบริบูรณ์
   
... ๒. ถ้าหากว่าบารมีอันดับที่ ๒ ที่เรียกว่า อุปบารมี ทานศีลของเราดีครบถ้วนแต่จิตใจยังไม่สะอาดพอ ยังไม่รักพระนิพพาน
   
... ๓. ถ้าหากว่าเป็น ปรมัตถบารมีแล้ว ละเอียดขึ้นมากไม่มีการหวังผลใดๆ ในโลกีย์วิสัย จะเป็นชาตินี้หรือว่าชาติหน้าก็ตามที กำลังใจของเราไม่มีการเกาะ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระนิพพานโดยเฉพาะ ทำด้วยจิตบริสุทธิ์   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2014, 06:24:49 AM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กันยายน 13, 2014, 06:24:25 AM »
... พุทธภูมินี่  บารมีต้นท่านเก่งในเรื่องทานกับศีล แต่ไม่สนใจในการเจริญภาวนา
   
... พอบารมีก้าวเข้าสู่อุปบารมี จะเริ่มมีความสนใจในการเจริญกัมมัฏฐาน ทรงอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ เกือบทุกชาติ 
   
... เมื่อเข้าสู่ปรมัตถบารมี(อสงไขยสุดท้าย) ท่านจะทำงานสาธารณประโยชน์ทุกอย่าง ทรงกรรมฐาน ๔๐ เป็นสมาบัติ ๘ ทุกกอง ทรงสติปัฏฐาน ๔ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ อย่างแจ่มใส มีใจรักพระนิพพานและพระโพธิญาณอย่างที่สุด ฯ.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2014, 09:03:53 AM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: ธรรมะและปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กันยายน 13, 2014, 07:47:44 AM »
พระพุทธภูมิธรรม
     
... พระโพธิสัตว์ ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น มีธรรมประจำใจสำคัญที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะ คือ
   
... ๑. อุสฺสาโห ประกอบไปด้วยความเพียรอันมั่นคง
   
... ๒. อุมตฺโต ประกอบด้วยปัญญาความรอบรู้ รอบรู้
   
... ๓. อวตฺถานํ มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง
   
... ๔. หิตจริยา มีจิตที่กอปรไปด้วยเมตตากรุณาต่อคนและสัตว์เป็นปกติ



อิทธิบาท ๔
   
... ๑. ฉันทะ  มีความพอใจ
   
... ๒. วิริยะ  มีความบากบั่นพากเพียรมั่นคง
   
... ๓. จิตตะ  เอาใจจดจ่อไว้ในงานที่ทำเสมอ
   
... ๔. วิมังสา  มีปัญญาหาเหตุผลเสมอ