... ทีนี้พอวันเริ่มต้นงาน พระยามารก็แสดงเดช ทำมืดครึ้ม ไม่ให้เห็นแสงอาทิตย์เลย
... พระทั้งหลายก็เตือนว่า นั่นไง ท่านอุปคุต พระยามารแสดงแล้ว
... ท่านบอกว่า ไม่เป็นไรเรื่องเล็กพอแต่งตัวรัดประคดเรียบร้อย ก็ไปหาพระยามาร บอกว่า
... คลายฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่คลายเป็นพัง เราอุปคุต
... พระยามารได้ยินก็ชักขนลุกซู่ ๆ รู้ฤทธิ์ รู้เดช ฉะกันมาหลายชาติแล้ว ตาเขาก็หนึ่ง ในตองอูเหมือนกัน
... เอ้า เก่งจริง ก็เชิญเลย นี่พระยามาราธิราชไม่เคยกลัวใคร แม้แต่พระสมณโคดม ก็ยังไม่กลัวเลยสู้กัน
... ความจริง เอาเสียที่เดียวก็ได้ เหนือชั้นกว่ามาก ล่อกันไปล่อกันมา
... ท่านอุปคุต ท่านขี้เกียจขึ้นมา ก็จับเอามือไพล่หลัง อธิษฐานให้แก้ไม่ออก
... ไม่ใช่แต่เท่านั้น อธิษฐานเอาหมาเน่ามาผูกคอเสียอีกด้วย
... พระยามาราธิราชแกก็เทวดาองค์หนึ่ง เทวดานี่แต่กลิ่นคนเขาก็เหม็นเสียแล้ว
... โดนหมาเน่าเข้าวิ่งโร่ไปหาพระอินทร์เจ้านายใหญ่
... พระอินทร์บอกว่า อ้าว ทำไมไปเล่นกับพระอุปคุตเล่า เขาจะทำบุญพระศาสนากันดันไปแกล้งเขา ใครจะไปมีฤทธิ์เท่าพระอรหันต์ ได้ไม่มี
... มีทางเดียวท่านไปขอขมาท่านอุปคุตเสีย แล้วสัญญาว่า จะไม่ทำพยศอีก พระอุปคุตก็จะอภัยแก่เธอ
... ท่านก็จำเป็นจำยอมไปขอโทษขอโพย
... พระอุปคุตถามว่า ยังไง สิ้นฤทธิ์แล้วรึ ?
... แกบอกว่า ยอมๆ ยอมทุกอย่าง ต่อไปไม่แกล้งอีกแล้ว
... พระอุปคุต ก็แก้หมาเน่า แก้มัดมือออก แต่ยังเอารัดประคต ผูกเข้าไว้กับเขาพระสุเมรุเสียอีกหลายเปลาะ
... ปล่อยพระยามารดิ้นด็อกแด็กอยู่ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ดิ้นเสียเขาพระสุเมรุหวั่นไหว ดาวดึงส์สะเทือนไปหมด