จะมีใครที่ยอมสละราชบัลลังลูกและภรรยา เข้าป่า นอนวันละ 4 ชั่วโมง เดินวันละเฉลี่ย 16 กิโลเมตร เดินชี้ทางให้กับทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนก็สอน ไม่หวังอะไร ไม่เบียดเบียน ไม่มีโทษ ผมขอกราบผู้น้ันด้วยความเคารพเหนือหัว
สาธุ....แต่เอ...แบบนี้จะสุดโต่งไปไหมครับ เพราะการอยู่บ้านสงเคราะห์บุตร ภรรยา พ่อแม่ และญาติพี่น้อง นี่มันต้องมาก่อนมิใช่หรือครับ ไม่รู้นะครับเท่าที่ทราบลำดับการสงเคราะห์นี่พุทธภูมิจะลำดับความสำคัญก่อนหลังในการสงเคราห์คือ
๑. ตนเอง (เอาตนเองให้รอดหรือพอรอดก่อน ไม่งั้นจะเป็นเตี้ยอุ่มค่อม มันเสียเวลาครับ)
๒. ญาติ ได้แก่ บิดามารดา พี่น้อง ภรรยา บุตร ครูอาจารย์ พระพุทธศาสนา
๓. คนใกล้ชิด เช่น เพื่อน
๔. คนทั้่วไป
๕. สังคมทั้งสังคม (ทั้งโลก)
๖. สงเคราะห์ ๓ โลก...
โดยการสงเคราะห์นี้จะต้องลำดับก่อนหลัง ตามกำลังควาสามารถ และบารมีหรือบุญในขณะนั้น เขาจะไม่ทำเกินตัว เพราะการทำเกินตัวนั้นสุดท้ายมันได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการทำบารมีให้พร่องไปเปล่าๆ (เกินไปก็คือไม่เต็ม ขาดไปก็คือไม่เต็ม)
เรื่องนี้จะเล่าให้ละเอียดในภายหลังนะครับ
ธรรมมะสวัสดี
ผมก็มีความรู้น้อยครับไม่กล้าแนะนำอะไร แต่มีข้อที่จะเสนอแนะตามภูมิความรู้ผมดังนี้ครับ
ลำดับการที่จะสงเคราะห์ใครนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่สำคัญคือเราต้องสร้างบารมีให้เต็ม และปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม ให้พร้อม การสร้างบารมีให้เต็มนั้นมันสร้างที่ใจ ไม่ได้ที่ข้างนอก โดยประมาณดังนี้
1. ทานบารมี คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่น ทั้งสิงของตัวเอง ร่างกาย ตัวเอง ขัน 5 ของตัวเอง แม้แต่บุญของตัวเอง ความสบาย ต่าางๆ
2. ศีลบารมี คือ รักษาปกติของจิต ไม่ให้เบียดเบียนใคร รวมทั้งตัวเอง ด้วยชีวิต
3. เนกขัมมบารมี คือ รักความสันโดษปลอดโปล่งทางจิต (ถ้าบวช จะรู้ว่าเบาสบายปลอดโปร่ง ไม่มีภาระต้องคิดต้องทำ) และกาย สำรวม ทำให้จิตเบา เพื่อขัดเกลาความอยากและกิเลสในจิตให้เบาบาง
4. ปัญญา คือ ฝึกจิตให้เห็นตรง เห็นไตรลักษณ์ และ อริยสัจ คือ มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ให้เห็นได้บ่อยๆ ทุกอย่างเป็นทุกและหาเหตุของทุกตัวเองและหาวิธิแก้ไข เผลอลืมน้อยที่สุด (มันจะมาควบคู่กับสติ)
5. สัจจะ คือ ต้องมีความจริงใจของจิตให้กับตัวเอง หากกล่าวออกมาหรือตั้งใจ ต้องจริง ไม่โลเล
6. อฐิษฐาน คือ ต้องตั้งมั่น ไม่วอกแวก เพราะสัจจะกับอฐิษฐานจะมาใกล้กัน อยากตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้แม้ด้วยชีวิต
7. ขันติ คือ อดทน จากในใจไม่ย่อท้อ อยากได้แต่ไม่ได้ ไม่อยากได้แต่ต้องได้ เพื่อให้ธรรมคงอยู่
8. วิริยะ คือ เพียร 4
9. เมตตา คือ ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข แม้เป็นสัตรู ไม่คิดเบียดเบียนแม้ด้วยชีวิต
10. อุเบกขา คือ วางเฉย ทั้งตัวเองและรอบข้าง หากช่วยไม่ได้ กรุณาไม่ได้ให้อุเบกขา ตัดใจหากเรื่องนั้นเป็นมาร กิเลสในใจ อย่าให้มีนิวรเข้ามาในจิต
ดังนั้นเป้าหมาายอยู่ที่สร้างบารมี ไม่ได้แบ่งลำดับการสงเคราะห์ เพราะมันจะทำให้มีการแบ่งวรรณะ ทำให้เกิดทิฏฐิ ครับ