เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจุบันนี้คำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" ถูกนำมาใช้กันมาก  (อ่าน 8816 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Webmaster

  • Administrator
  • สมาชิก
  • *****
  • กระทู้: 404
    • ดูรายละเอียด


ปัจจุบันนี้คำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" ถูกนำมาใช้กันมากในวงการปฎิบัติธรรมในประเทศไทยสำหรับสำนักต่างๆที่เผยแพร่โดยถูกต้องตามตำราก็สมควรแก่การโมทนาบุญอย่างยื่งที่รักษาสืบทอดไว้ให้ถูกต้อง แต่ก็ยังมีบางสำนักที่กลับนำมาปรุงแต่งเนื้อหากันไปหลากหลายเพื่อเรียกศรัทธา หนักถึงขนาดที่ว่ามีบางสำนักที่ใช้พุทธแอบแฝงอ้างว่าตนคือ "พระศรี" ที่ลงมาอุบัติแล้วเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก บางสำนักก็อ้างว่าตนเองพยากรณ์ถึงการมาของพระศรีอาริยเมตไตรยได้ว่าจะลงมาเร็วๆนี้ในยุคนี้แหละ ทั้งๆที่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังดำรงอยู่ พระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้าย่อมไม่มาอุบัติเกิดขึ้นซ้ำซ้อนแน่นอน อย่างมากท่านก็เพียงแต่ช่วยดูแลพระศาสนาองค์ปัจจุบันอยู่ห่างๆในฐานะพระโพธิสัตว์ให้ดำรงไปให้ครบ 5 พันปีเท่านั้น เราในฐานะชาวพุทธลูกศิษย์ของตถาคตต้องพิจารณาดูดีๆว่าคำกล่าวอ้างต่างๆเหล่านั้น เป็นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แอบแฝงหรือเปล่า และในฐานะชาวพุทธถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะเข้าในความหมายจริงๆของคำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" โดยที่ไม่หลงไปกับเรื่องราวต่างๆที่ถูกปรุงแต่งขึ้นโดยสำนักบางสำนักที่ใช้คำว่าพระศรีอาริยเมตไตรยมาเรียกศรัทธา ทั้งๆที่การกระทำกลับไม่ใช่พุทธแท้ แต่มีลักษณะของการนำเอาความเชื่ออื่นๆต่างลัทธิ ต่างศาสนามาเจือปนอยู่ด้วย จริงอยู่ที่ชาวพุทธควรศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้หลงทาง แต่ก็ไม่กล่าวร้าย เพราะเป็นศรัทธาของและละบุคคล แต่หากปราถนาที่จะอยู่ในทางและหลักการคำสอนอันเป็นพุทธที่ไม่มีสิ่งอื่นมาเจือปนก็ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อที่เราเองจะได้ไม่หลงทาง

มารู้จักกับคำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" คือผู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายไว้ โดยท่านได้ทรงทำนายเท่าที่มีบันทึกไว้ว่าในอนาคตกาลจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 10 พระองค์ ซึ่งหลังจาก 10 พระองค์นี้ก็ยังจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ไปอีกเรื่อยๆ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าระยะเวลาห่างกันเท่าใด

เรื่องราวจริงๆของพระศรีอาริยเมตตรัยที่เป็นพุทธพจน์และพระพุทธเจ้า,ครูบาอาจารย์รับรอง เนื้อหาเรียบเรียงมาจากพระไตรปิฏก . . .

เพื่อความเข้าใจอันถูกต้องและสัมมาทิฐิ

พระศรีอริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรย (บาลี: Metteyya เมตฺเตยฺย; สันสกฤต: मैत्रेय ไมเตฺรย) เป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ เมื่อศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้าสิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่ยุคมิคสัญญี ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จนอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี จากนั้นจึงลดลงอีกจนเหลือ 80,000 ปี ในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่บำเพ็ญบารมีครบ 16 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น "พระเมตไตรยพุทธเจ้า"

พุทธพยากรณ์เกี่ยวกับพระศรีอริยเมตไตรย จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตรซึ่งเป็นพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยถือกันว่ารักษาเนื้อหาได้สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาทุกนิกาย ดังนี้

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้เป็นอรหันต์ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหารภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้น ฯ"

สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ ในครรภ์ของนางเมตไตรยพรหมวดี ภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิ แห่งเกตุมดีนคร เมื่อทรงประสูติได้มีนิมิต ๓๒ ประการแล้ว ก็บังเกิดปราสาท ๓ หลังเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อพระชนมายุ ๘,๐๐๐ ปี ทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้ง ๔ จึงทรงพอพระทัยในการบวช เสด็จขึ้นไปสู่ปราสาท ปราสาทก็ลอยขึ้นสู่อากาศ มาลงที่ใกล้โพธิมณฑล ท้าวมหาพรหมอัญเชิญอัฏฐบริขารมาถวาย พระโพธิสัตว์ทรงเอาพระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี ทรงรับเครื่องอัฏฐบริขารที่ท้าวมหาพรหมนำมาถวาย ผนวชแล้วบำเพ็ญเพียร มีคนบวชตามเป็นอันมาก พระโพธิสัตว์ประทับนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณในมัชฌิมยาม ทรงทำให้แจ้งทิพยจักษุญาณในปัจฉิมยาม ทรงพิจารณาปัจจยาการ ๑๒ ประการ ในเวลารุ่งอรุณ ทรงบรรลุซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใต้ต้นกากะทิง พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ

ยุคพระศรีอาริย์ที่แท้จริง

พระศรีอริยเมตไตรยจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาในอนาคต โลกนี้จะมีความสงบสุข และพระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองกว่า พระศาสนาของพระพุทธเจ้าในองค์ปัจจุบันนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะมีพระอริยบุคคลมากกว่า และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง คือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ ไม่มีการเบียดเบียน ตอนนอนไม่ต้องปิดประตูก็ได้ บ้านเลยไม่ต้องทำประตูก็ได้ เรื่องคนร้าย หรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว แล้วก็คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้าน ก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใคร เพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวยเหมือนกันหมด จนเมื่อกลับเข้าบ้าน จึงจะจำได้ว่า นี่คือภรรยาของเรา นี่คือสามีของเรา นี่คือลูกของเรา และต้องการอะไรก็ได้ มันมีต้นไม้พิเศษที่เรียกว่า ต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ทุกทิศ อยากได้อะไรก็ไปขอที่ต้นไม้ จะสะดวกสบาย แม้แต่การคมนาคม การไปการมา จนว่าน้ำในแม่น้ำนั้น จะไหลลงข้างหนึ่ง จะไหลขึ้นข้างหนึ่ง เพื่อจะสะดวกต่อการใช้เรือ สรุปว่าไม่มีความทุกข์ อยู่กันเป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ

อ้างอิงข้อมูลจาก
^ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, 2552, หน้า 290
^ สุชีพ ปุญญานุภาพ, พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน, พิมพ์ครั้งที่ 17, 2550, หน้า 351
^ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร ท่อน ๔๘ ย่อหน้า ๔

ออฟไลน์ มหาอสงไขย

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ จะทันไหมนี่

ออฟไลน์ Rama Bodhisattva

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 4
  • ญาติธรรม
    • ดูรายละเอียด


ปัจจุบันนี้คำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" ถูกนำมาใช้กันมากในวงการปฎิบัติธรรมในประเทศไทยสำหรับสำนักต่างๆที่เผยแพร่โดยถูกต้องตามตำราก็สมควรแก่การโมทนาบุญอย่างยื่งที่รักษาสืบทอดไว้ให้ถูกต้อง แต่ก็ยังมีบางสำนักที่กลับนำมาปรุงแต่งเนื้อหากันไปหลากหลายเพื่อเรียกศรัทธา หนักถึงขนาดที่ว่ามีบางสำนักที่ใช้พุทธแอบแฝงอ้างว่าตนคือ "พระศรี" ที่ลงมาอุบัติแล้วเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก บางสำนักก็อ้างว่าตนเองพยากรณ์ถึงการมาของพระศรีอาริยเมตไตรยได้ว่าจะลงมาเร็วๆนี้ในยุคนี้แหละ ทั้งๆที่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังดำรงอยู่ พระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้าย่อมไม่มาอุบัติเกิดขึ้นซ้ำซ้อนแน่นอน อย่างมากท่านก็เพียงแต่ช่วยดูแลพระศาสนาองค์ปัจจุบันอยู่ห่างๆในฐานะพระโพธิสัตว์ให้ดำรงไปให้ครบ 5 พันปีเท่านั้น เราในฐานะชาวพุทธลูกศิษย์ของตถาคตต้องพิจารณาดูดีๆว่าคำกล่าวอ้างต่างๆเหล่านั้น เป็นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แอบแฝงหรือเปล่า และในฐานะชาวพุทธถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะเข้าในความหมายจริงๆของคำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" โดยที่ไม่หลงไปกับเรื่องราวต่างๆที่ถูกปรุงแต่งขึ้นโดยสำนักบางสำนักที่ใช้คำว่าพระศรีอาริยเมตไตรยมาเรียกศรัทธา ทั้งๆที่การกระทำกลับไม่ใช่พุทธแท้ แต่มีลักษณะของการนำเอาความเชื่ออื่นๆต่างลัทธิ ต่างศาสนามาเจือปนอยู่ด้วย จริงอยู่ที่ชาวพุทธควรศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้หลงทาง แต่ก็ไม่กล่าวร้าย เพราะเป็นศรัทธาของและละบุคคล แต่หากปราถนาที่จะอยู่ในทางและหลักการคำสอนอันเป็นพุทธที่ไม่มีสิ่งอื่นมาเจือปนก็ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อที่เราเองจะได้ไม่หลงทาง

มารู้จักกับคำว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย" คือผู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายไว้ โดยท่านได้ทรงทำนายเท่าที่มีบันทึกไว้ว่าในอนาคตกาลจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้น 10 พระองค์ ซึ่งหลังจาก 10 พระองค์นี้ก็ยังจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ไปอีกเรื่อยๆ เพียงแต่ขึ้นอยู่กับว่าระยะเวลาห่างกันเท่าใด

เรื่องราวจริงๆของพระศรีอาริยเมตตรัยที่เป็นพุทธพจน์และพระพุทธเจ้า,ครูบาอาจารย์รับรอง เนื้อหาเรียบเรียงมาจากพระไตรปิฏก . . .

เพื่อความเข้าใจอันถูกต้องและสัมมาทิฐิ

พระศรีอริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรย (บาลี: Metteyya เมตฺเตยฺย; สันสกฤต: मैत्रेय ไมเตฺรย) เป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ เมื่อศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้าสิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่ยุคมิคสัญญี ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จนอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี จากนั้นจึงลดลงอีกจนเหลือ 80,000 ปี ในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่บำเพ็ญบารมีครบ 16 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น "พระเมตไตรยพุทธเจ้า"

พุทธพยากรณ์เกี่ยวกับพระศรีอริยเมตไตรย จากพระไตรปิฎกเล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตรซึ่งเป็นพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยถือกันว่ารักษาเนื้อหาได้สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาทุกนิกาย ดังนี้

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้เป็นอรหันต์ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหารภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้น ฯ"

สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ ในครรภ์ของนางเมตไตรยพรหมวดี ภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิ แห่งเกตุมดีนคร เมื่อทรงประสูติได้มีนิมิต ๓๒ ประการแล้ว ก็บังเกิดปราสาท ๓ หลังเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อพระชนมายุ ๘,๐๐๐ ปี ทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้ง ๔ จึงทรงพอพระทัยในการบวช เสด็จขึ้นไปสู่ปราสาท ปราสาทก็ลอยขึ้นสู่อากาศ มาลงที่ใกล้โพธิมณฑล ท้าวมหาพรหมอัญเชิญอัฏฐบริขารมาถวาย พระโพธิสัตว์ทรงเอาพระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี ทรงรับเครื่องอัฏฐบริขารที่ท้าวมหาพรหมนำมาถวาย ผนวชแล้วบำเพ็ญเพียร มีคนบวชตามเป็นอันมาก พระโพธิสัตว์ประทับนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณในมัชฌิมยาม ทรงทำให้แจ้งทิพยจักษุญาณในปัจฉิมยาม ทรงพิจารณาปัจจยาการ ๑๒ ประการ ในเวลารุ่งอรุณ ทรงบรรลุซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใต้ต้นกากะทิง พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ

ยุคพระศรีอาริย์ที่แท้จริง

พระศรีอริยเมตไตรยจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาในอนาคต โลกนี้จะมีความสงบสุข และพระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองกว่า พระศาสนาของพระพุทธเจ้าในองค์ปัจจุบันนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะมีพระอริยบุคคลมากกว่า และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง คือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ ไม่มีการเบียดเบียน ตอนนอนไม่ต้องปิดประตูก็ได้ บ้านเลยไม่ต้องทำประตูก็ได้ เรื่องคนร้าย หรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว แล้วก็คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้าน ก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใคร เพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวยเหมือนกันหมด จนเมื่อกลับเข้าบ้าน จึงจะจำได้ว่า นี่คือภรรยาของเรา นี่คือสามีของเรา นี่คือลูกของเรา และต้องการอะไรก็ได้ มันมีต้นไม้พิเศษที่เรียกว่า ต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ทุกทิศ อยากได้อะไรก็ไปขอที่ต้นไม้ จะสะดวกสบาย แม้แต่การคมนาคม การไปการมา จนว่าน้ำในแม่น้ำนั้น จะไหลลงข้างหนึ่ง จะไหลขึ้นข้างหนึ่ง เพื่อจะสะดวกต่อการใช้เรือ สรุปว่าไม่มีความทุกข์ อยู่กันเป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ

อ้างอิงข้อมูลจาก
^ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, 2552, หน้า 290
^ สุชีพ ปุญญานุภาพ, พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน, พิมพ์ครั้งที่ 17, 2550, หน้า 351
^ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร ท่อน ๔๘ ย่อหน้า ๔
[/quo


ผมต้องขอบอกว่าทั้งหมดทีมีอ้างถึง ว่าที่พระศรีฯ นั้น หลอกลวงซะส่วนมาก และมีอีกบางส่วนเข้าใจตัวเองผิดครับ