เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Kuekkonk

หน้า: [1]
1
ผมขอเสนอ พระที่ปฏิบัติดีและน่าเข้าไปกราบสร้างบารมีครับ(เท่าที่ผมทราบในความคิดผมครับ)
1.หลวงพ่อกล้วย (วัดป่าธรรมอุทยาน ขอนแก่น) หลวงพ่อท่านเก่งมากใจดีเมตตาสูง และพ้นแล้ว วัดน่าอยู่ครับ ไปค้างได้เลย และเข้าหาได้ง่ายด้วย
2. หลวงปู่เก๋วัดปากน้ำ นนทบุรี
ถ้าใครมีอีกช่วยบอกด้วยนะครับ

2
อยากให้เข้ามาคุยบ่อยๆ เยอะๆ จะได้สร้างกำลังใจให้คนอื่นด้วยครับ

3
หลังจากชาติพระโพธิสัตว์โคดมก็เวียนไหว้ตายเกิด จนถึงพระพุทธโบราณทีปังกร (คนละองค์กับที่ทำนายพระโพธิ์สัตว์เป็นนิยตโพธิสัตว์ชาติแรก) พระโพธิสัตว์เกิดมาเป็นน้องสาวพระพุทธเจ้า ในชาตินั้น และพระโพธิสัตว์ปัจฉิมทีปังกร(เป็นพระพุทธเจ้าที่ทำนายพระพุทธโคดม) เกิดมาเป็นภิกษุในพุทธศาสนา และจะเอาน้ำมันมาจุดตระเกียงรอบกุฏิพระพุทธเจ้า มีวันหนึ่งไปบิณฑบาตรขอน้ำมันแต่ก็ไม่มีใครถวายเลยจนมาในพระราชวัง ความได้ยินถึงพระโพธิสัตว์โคดมซึ่งเป็นน้องสาวพระพุทธเจ้า ด้วยความรักและเคารพต่อพี่ชาย อีกทั้งพระนางก็ปรารถนาพุทธภูมิ จึงหาน้ำมันในวัง จึงได้น้ำมันเมล็ดผักกาดซึ่งเป็นของดีถวายพระภิกษุฑีปังกรโพธิสัตว์เต็มบาตร และฝากพระภิกษุหนุ่มถามพระพุทธองค์ว่าตนเองจะมีโอกาสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเหมือนพระพี่หรือไม่ พระภิกษุรับอาสา พอจุดไฟรอบพระกุฏิแล้ว ด้วยใจที่อิ่มเอมจึงเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อทูลขอคำพยากร โดยพระองค์ไม่พยากรเจ้าหญิงโพธิสัตว์เนื่องจากเป็นหญิงและบารมียังไม่เต็มแต่ผู้ที่จะพยากรคือ พระภิกษุหนุ่มโพธิสัตว์ซึ่งจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตต่อไปโดยจะมีพระนามเหมือนพระองค์เองคือฑีปังกร

4
เมื่อพระองค์กลับมาก็ให้เรียกควาญช้างเข้าพบ หมายจะประหารเพราะเอาช้างที่ไม่ดีมาให้ทรง ควาญ(พระศรีอารยะ)เมื่อรู้ว่าจะโดนประหารจึงกล่าวว่าธรรมดาของสัตว์โลกที่ต้องอยู่ใต้ของกิเลส ไฟใดจะร้อนเท่าไฟกิเลสไม่มี ช้างตัวนี้ก็หนีไปเพราะไฟกิเลสอยากสมสู่กับตัวเมียครอบงำ ไม่เกิน7 วันก็กลับมา พระมหาจักวพรรดิ์เห็นว่าไงๆ ก็ต้องโดนประหารอยู่แล้วรออีก 7 วันก็คงไม่เป็นไร จึงรอ หลังจากครบ7 วันช้างเผือกก็กลับมาจริงดังคำควาญช้างว่า พระมหาจักรพรรดิ์จึงถามว่ามนต์ของควาญช้างนี้สามารถสะกดช้างได้จริงหรือ ควาญช้างว่าในโลกนี้นอกจากไฟราคะแล้ว ไม่มีช้างตัวใดจะกล้าขัดขืนมนต์ของควาญช้างได้ ว่าแล้วจึงสั่งให้พญาช้างเอางวงจับก้อนเหล็กแดงในกองไฟขึ้นมาถือไว้ ด้วยความกลัวช้างจึงต้องทำตาม พระมหาจักรพรรดิ์เห็นดังนั้นก็ได้ดำริในใจว่า ขนาดไฟของเหล็กแดงน่ากลัวช้างยังกอดไว้ได้เพราะอำนาจควาญ แต่ช้างโดนกิเลสบังคับได้แสดงว่าไฟแห่งกิเลสนี้ช่างน่ากลัวกว่าไฟของเหล็กแกงหลายเท่านัก เห็นดังน้ันจึงส่ังให้ควาญช้างหยุดวางเหล็กแดงลง แต่ด้วยความร้อนและความทรมานช้างจึงต้องตายต่อมา กรรมครั้งนี้จึงทำให้พระศรีอารยะ ต้องรับผลเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว พระจะนำสรีระของพระมหากัสสปเถระมาวางไว้บนมือเปล่าแล้วไฟลุกบนฝ่ามือพระองค์ (มีต่อ)

5
หลังจากพระโพธิสัตว์โคดม ได้ปรารถนาขนสัตว์โลกข้ามวัฏฏสงสาร กล่าวคือเมื่อ 20 อสงไขยแสนมหากัป ล่วงมา ในสมัยนั้นแทบไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้นานมาก ทำให้ท้าวมหาพหรมเกิดวิตกว่า จะเกิดความมืดของจักรวาลไปอีกนานแสนนาน จึงมองหาผู้ที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ จึงได้พบพระโพธิสัตว์โคดม ซึ่งยังไม่เคยปราถนาพุทธภูมิ กำลังแบกมารดาไว้บนบ่าว่ายน้ำในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างไม่ย้อท้อ เมื่อเห็นดังนั้นจึงเข้าดลใจให้ปรารถนาว่า หากเราสามารถพามารดาข้ามมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่นี้ผ่านไปได้ จะขอขนสัตว์ข้ามไปด้วย
หลังจากชาตินั้นแล้วพระโพธิสัตว์โคดม ก็ได้มาเกิดเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ร่วมชาติกับพระศรีอาริยะ ที่เกิดมาเป็นควาญช้าง และพระมหากัสสปะเถระ ที่เกิดมาเป็นพญาช้างเผือก โดยในชาตินี้พระศรีอารยะได้พบพญาช้างในป่าแล้วมาฝึกด้วยมนต์คาถาที่ตนเองได้เรียนมาเป็นอย่างดีก่อนถวายให้พระโพธิสัตว์โคดมทีเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ โดยพระองค์ใช้เป็นช้างทรง และอยู่วันหนึ่งโขลงช้างในป่าก็วิ่งเข้ามาหาอาหารในเมืองแล้วหนีจากไป พระมหาจักรพรรดิ์ก็ได้ขี่ช้างมาตรวจความเสียหาย ช้างทรงได้กลิ่นมูลช้าง ตัวเมียที่ถ่ายทิ้งก็เกิดอาการติดสัตว์วิ่งเข้าป่าเพื่อหาช้างตัวเมียสมสู่ด้วย ทำให้กองทัพที่ติดตามมาวิ่งตามไม่ทันเหลือเพียงพระมหาจักรพรรดิ์เพียงพระองค์เดียวบนคอช้าง จึงต้องเกาะกิ่งไม้ในป่า (มีต่อนะ)

6
อ้างถึง
จะมีใครที่ยอมสละราชบัลลังลูกและภรรยา เข้าป่า นอนวันละ 4 ชั่วโมง เดินวันละเฉลี่ย 16 กิโลเมตร เดินชี้ทางให้กับทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนก็สอน ไม่หวังอะไร ไม่เบียดเบียน ไม่มีโทษ ผมขอกราบผู้น้ันด้วยความเคารพเหนือหัว

สาธุ....แต่เอ...แบบนี้จะสุดโต่งไปไหมครับ เพราะการอยู่บ้านสงเคราะห์บุตร ภรรยา พ่อแม่ และญาติพี่น้อง นี่มันต้องมาก่อนมิใช่หรือครับ ไม่รู้นะครับเท่าที่ทราบลำดับการสงเคราะห์นี่พุทธภูมิจะลำดับความสำคัญก่อนหลังในการสงเคราห์คือ

๑. ตนเอง (เอาตนเองให้รอดหรือพอรอดก่อน ไม่งั้นจะเป็นเตี้ยอุ่มค่อม มันเสียเวลาครับ)
๒. ญาติ ได้แก่ บิดามารดา พี่น้อง ภรรยา บุตร ครูอาจารย์ พระพุทธศาสนา
๓. คนใกล้ชิด เช่น เพื่อน
๔. คนทั้่วไป
๕. สังคมทั้งสังคม (ทั้งโลก)
๖. สงเคราะห์ ๓ โลก...

โดยการสงเคราะห์นี้จะต้องลำดับก่อนหลัง ตามกำลังควาสามารถ และบารมีหรือบุญในขณะนั้น เขาจะไม่ทำเกินตัว เพราะการทำเกินตัวนั้นสุดท้ายมันได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการทำบารมีให้พร่องไปเปล่าๆ (เกินไปก็คือไม่เต็ม ขาดไปก็คือไม่เต็ม)

เรื่องนี้จะเล่าให้ละเอียดในภายหลังนะครับ

ธรรมมะสวัสดี

ผมก็มีความรู้น้อยครับไม่กล้าแนะนำอะไร แต่มีข้อที่จะเสนอแนะตามภูมิความรู้ผมดังนี้ครับ
ลำดับการที่จะสงเคราะห์ใครนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่สำคัญคือเราต้องสร้างบารมีให้เต็ม และปฏิบัติโพธิปักขิยธรรม ให้พร้อม การสร้างบารมีให้เต็มนั้นมันสร้างที่ใจ ไม่ได้ที่ข้างนอก โดยประมาณดังนี้
1. ทานบารมี คือ การไม่ยึดมั่นถือมั่น ทั้งสิงของตัวเอง ร่างกาย ตัวเอง ขัน 5 ของตัวเอง แม้แต่บุญของตัวเอง ความสบาย ต่าางๆ
2. ศีลบารมี คือ รักษาปกติของจิต ไม่ให้เบียดเบียนใคร รวมทั้งตัวเอง ด้วยชีวิต
3. เนกขัมมบารมี คือ รักความสันโดษปลอดโปล่งทางจิต (ถ้าบวช จะรู้ว่าเบาสบายปลอดโปร่ง ไม่มีภาระต้องคิดต้องทำ) และกาย สำรวม ทำให้จิตเบา เพื่อขัดเกลาความอยากและกิเลสในจิตให้เบาบาง
4. ปัญญา คือ ฝึกจิตให้เห็นตรง เห็นไตรลักษณ์ และ อริยสัจ คือ มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ให้เห็นได้บ่อยๆ ทุกอย่างเป็นทุกและหาเหตุของทุกตัวเองและหาวิธิแก้ไข เผลอลืมน้อยที่สุด (มันจะมาควบคู่กับสติ)
5. สัจจะ คือ ต้องมีความจริงใจของจิตให้กับตัวเอง หากกล่าวออกมาหรือตั้งใจ  ต้องจริง ไม่โลเล
6. อฐิษฐาน คือ ต้องตั้งมั่น ไม่วอกแวก เพราะสัจจะกับอฐิษฐานจะมาใกล้กัน อยากตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้แม้ด้วยชีวิต
7. ขันติ คือ อดทน จากในใจไม่ย่อท้อ อยากได้แต่ไม่ได้ ไม่อยากได้แต่ต้องได้ เพื่อให้ธรรมคงอยู่
8. วิริยะ คือ เพียร 4
9. เมตตา คือ ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข แม้เป็นสัตรู ไม่คิดเบียดเบียนแม้ด้วยชีวิต
10. อุเบกขา คือ วางเฉย ทั้งตัวเองและรอบข้าง หากช่วยไม่ได้ กรุณาไม่ได้ให้อุเบกขา ตัดใจหากเรื่องนั้นเป็นมาร กิเลสในใจ อย่าให้มีนิวรเข้ามาในจิต
    ดังนั้นเป้าหมาายอยู่ที่สร้างบารมี ไม่ได้แบ่งลำดับการสงเคราะห์ เพราะมันจะทำให้มีการแบ่งวรรณะ ทำให้เกิดทิฏฐิ ครับ

7
จะมีใครที่ยอมสละราชบัลลังลูกและภรรยา เข้าป่า นอนวันละ 4 ชั่วโมง เดินวันละเฉลี่ย 16 กิโลเมตร เดินชี้ทางให้กับทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนก็สอน ไม่หวังอะไร ไม่เบียดเบียน ไม่มีโทษ ผมขอกราบผู้น้ันด้วยความเคารพเหนือหัว

8
วันนี้ฝึกจิตฝึกใจกันอยู่ไหมครับ ฝากแผ่เมตตาเผื่อผมด้วยนะ

9
หากมีบทความธรรมะ หรือกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ต่างๆในเว็บพุทธภูมิ
แห่งนี้ ยินดีช่วยกันเอามาโพสตั้งกระทู้กันนะครับ เพราะเว็บเราเพิ่งเปิดใหม่
กำลังอยุ่ในช่วงรวบรวมเนื้อหา และ ตามผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายนะครับ
 
มาช่วยกันครับ สร้างบารมีด้วยกัน ช่วยกัน บารมีจะเต็มไวครับ สาธุ

ยินดีต้อนรับหน่อโพธิญาณทุกๆท่าน
หากมีอะไรชี้แนะหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลในการบำเพ็ญก็ขอเชิญนะครับ

หลวงตาม้าท่านเคยสอนว่าคนปราถนาโพธิญานต้องช่วยเหลือกัน
และผู้ปราถนาโพธิญาณก็ต้องมาเรียนศึกษากับผู้บำเพ็ญโพธิญานด้วยกันครับ

ธรรมรักษา
ผมขอแนะนำ 1 เอาชาดก ต่างๆมา เพราะมันสนุกครับ 2 เรื่องราวของพระอนุพุทธ เป็นเลิศด้านใด ทำอะไรมาถึงได้เป็น 3 เรื่องราวพุทธองค์ที่โปรดเวไนยสัตว์ทุกท่าน 3 ประวัติพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ และเชื่อมต่อความสัมพันธ์กัน 4 ประวัติพระพุทธเจ้าในอนาคต ว่าท่านใดเกิดเป็นใครมาบ้าง ฯลฯ นึกออกแล้วบอกให้อีกทีครับ

10
อนึ่งพระโพธิสัตว์ก็มีดอกาสพลาดพลั้งตราบใดที่ยั้งไม่บรรลุ หรือเป็นพระอรหันต์ ก็ถือว่าเป็นปุถุชน ที่เป็นเหยีื่อกิเลสเสมอ ยกตัวอย่างพระพุทธองค์สมัยเป็นพระโพธิสัตว์ ที่เป็นสัตวเดรฉานก็หลายชาติ ตกนรกก็มีบ้าง แต่ไม่ลึก เว็บนี้จึงให้ประโยชน์ในการให้กำลังใจซึ่งกันและกันครับ อนุโมทนากับเจ้าของเว็บด้วย

11
ตามความเข้าใจ ภาษาพื้นบ้านของผมนะครับ

เราควรจะมีศีล อย่างน้อยก็ศีล 5 ควบคู่ไปกับสติ  ตอนแรกก็อาจจะมีสติตอนเรานึกได้ และพยายามให้มีสติอยู่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะกิน นอน เดิน นั่ง หรือยืน

ทำแบบบนี้ก็เรียกได้ว่าสติปัฏฐาน 4  สติตัวนี้จะแนบเข้ากับจิต ตามดู ตามรู้  จิตดวงนี้จะมีสติกำกับอยู่ ก้จะเข้าใจ ใคร่ควร พิจารณา ในสัมมัปทาน ๔

อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘ 

กล่าวโดยย่อคือสติตัวนี้จะทำให้เรา รู้แจ้ง และเห็นภัยในวัฎสงสาร เพื่อยังเกิดความไม่ประมาทให้แก่ตัวเราเองใช่มั๊ยครับ

หากเข้าใจผิดประการใดขอให้ท่านผู้มีปัญญาชี้แจงด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ
ขออนุญาตก้าวล่วงนะครับ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการเป็นธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค ครับ ซึ่งพระโพธิสัตว์ต้องใช้ แต่พระโพธิสัตว์ทุกท่านที่ต้องทำคือสร้างบารมี 30 ประการให้เต็มจนล้น และการที่บารมีเต็มจนล้นนั้นต้องอาศัยจิตใจที่กล้าแข็ง กำลังใจที่เปี่ยมล้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตือนตัวเองด้วยสติตลอดว่าจะไม่ยอมต่อนิวร และกิเลส หากมาทำให้ท้อถอย และการที่จะก้าวล่วงต่อชาติภพเป็นหลายอสงไขยนั้น ก็ต้องพึ่งออปชั่น คือ  โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ซึ่งเท่าที่อ่านคุณjune ที่มีออปชั่นระลึกชาติได้นี่ก็เป็น 1 ในนั้น เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เกิดศรัทธาที่กล้าแข็งจนเกิดทิฎฐิที่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องที่ดี ขออนุโมทนาด้วยครับ

12
ผมขอแนะนำว่าทุกท่านตั้งใจปฏิบัติ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ประกอบด้วย สติปัฏฐาน ๔
สัมมัปทาน ๔
อิทธิบาท ๔
อินทรีย์ ๕
พละ ๕
โพชฌงค์ ๗
มรรค ๘
โดยสิ่งที่จะเตือนท่านทุกๆชาติได้นั้นคือสติ ทุกลมหายใจ เท่าที่นึกได้ครับ และสิ่งที่ทำให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรคไปได้คือกำลังใจ 
สรุป มีกำลังใจที่ดี มี สติ เตือนเมื่อกำลังใจหมดและเติมกำลังใจเข้าไป (ถือว่าผมแชร์นะครับ เพราะไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายที่จะแนะนำได้)

13
ผมอยากให้ท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิทุกท่าน ช่วยลงชื่อ Email address เพื่อติดต่อกันครับ ผมชื่อก้อง Kuekkonkhun@gmail.com หากมีเฟซด้วยยิ่งดีครับ (ช่วยแยกจากเฟซทั่วไปนะครับไม่อยากให้ใครมาปรามาส สงสารเขา)

หน้า: [1]