เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Heroics

หน้า: [1]
1


หลวงตาม้าสอนหน่อพุทธภูมิ(2)

กระผมขอน้อมนอบและมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระปัจเจก พระโพธิสัตว์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งมวล ด้วยความที่เคยได้ยินได้ฟังคำสอนจากท่านหลวงตา(ม้า)วรงคต วิริยธโรมาบ้าง
อาศัยเพียงเจตนาบริสุทธิ์อยากจะนำมาเผยแพร่ให้ญาติธรรมทั้งหลายได้อ่านกันเพื่อเป็นประโยชน์แก่หน่อพุทธภูมิทั้งหลาย
รวมทั้งเหล่าผู้ปฏิบัติธรรมที่สนใจในเรื่องการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์

กระผมขอกราบน้อมนำคำสั่งสอนของหลวงตา(ม้า)วรงคต มาสถิตย์ไว้ ณ ที่ตรงนี้ด้วยเทอญ.....

บทเกริ่นนำ
**หากผู้ใดยังไม่มีความเข้าใจเรื่องพระโพธิสัตว์ พระนิพพาน จุดหมายปลายทางในพระพุทธศาสนาก็ขอให้อ่านตรงนี้ก่อน
ส่วนใครที่มีความเข้าใจอยู่แล้ว เห็นว่าเป็นการเสียเวลา ก็ขอให้ข้ามไปได้เลยนะครับ

หลักชัยสำคัญของพระพุทธศาสนาคือพระนิพพาน เราเรียกผู้ที่ปราศจากกิเลสทั้งปวงว่าพระอรหันต
มีที่ไปคือพระนิพพานอันเป็นแดนเอกกันตบรมสุข คือมีความสุขอย่างหาประมาณมิได้ แม้ความสุขในพรหมโลก
เทวโลก มนุษยโลก ก็มิอาจเทียบได้เลย

ผู้ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา หากหมั่นสั่งสมบุญกุศล หมั่นฟังคำสอนจากพระอริยสงฆ์และนำไปปฏิบัติ
ไม่มีความย่อท้อในการปฏิบัติธรรม ย่อมมีที่่ไปอยู่3ทาง อยู่ที่จริตและความปรารถนาของแต่ละคน

1.เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
2.เป็นพระปัจเจก
3.เป็นพระอรหันต์สาวก

ถึงแม้กระนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ดี พระปัจเจกก็ดี พระอรหันต์สาวกก็ดี ล้วนมีปลายทางเช่นเดียวกันคือพระนิพพาน
ไม่กลับมาเกิดอีกในสามโลกธาตุ ต่างกันตรงที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านมีความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งมวลในสามแดนโลกธาตุ
ไม่มียกเว้นบุคคลใดเลย แม้กระทั่งบุคคลที่คิดร้ายต่อท่าน ท่านยังรักเขาประหนึ่งลูกแท้ๆ แม้กระทั่งท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
ขอให้รู้เอาไว้เถิดว่าพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายนั้น มีความรักความเมตตาในพวกเราเป็นอย่างมาก
อาศัยความเมตตานี้ท่านเพียรเวียนเกิดเวียนตายสร้างบารมีมาช้านาน จนบารมีครบถ้วนบริบูรณ์จึงได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโปรดสัตว์
ทั้งหลายให้เข้าถึงพระนิพพาน และโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าพระอรหันตสาวกจะไร้ความเมตตาไม่สั่งสอนใครเลย ขอให้เข้าใจเสียว่าพระอรหันต์
ท่านก็มีความเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย เพียงแต่ที่ไม่ได้ออกมาโปรดสัตว์โลกทั้งมวลเหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านทรงกระทำก็เพราะว่าไม่ใช่วิสัยของอรหันตสาวก

ดังนั้นผู้ใดที่ปรารถนาจะไปเป็นพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะช่วยสัตว์ทั้งสามให้พ้นจากความทุกข์ทั้งมวล
เราเรียกบุคคลผู้นั้นว่า "พระโพธิสัตว์" ในอดีตแม้มดตัวหนึ่งได้เห็นพระพุทธเจ้าท่านเปิดสามโลก
มดจึงเกิดความรู้สึกอยากเป็นพระพุทธเจ้า มดตัวนั้นยังถูกเรียกว่ามดโพธิสัตว์ เราจะประมาทว่าเขาเป็นแค่มดไม่ได้
เพราะทุกคนเท่ากันหมด ในอนาคตมดก็ต้องมาเกิดเป็นคน(ส่วนคนบางคนอาจจะไปเกิดเป็นมดถ้าทำกรรมชั่วไว้)
ถ้าหากมดตัวนั้นเวียนเกิดเวียนตายสร้างบารมีไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สุดท้ายอาจจะได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ได้

2
หนังสือที่เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอันนับเนื่องในพระไตรปิฎกนั้น ผู้ใดจะคิดสร้างจะเกิดอานิสงส์ดังพุทธชาดกนิทานมีความพิสดารว่า เมื่อพระผู้ทรงพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่พระเชตวันมหาวิหารที่ท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐีสร้างถวาย ใกล้พระนครสาวัตถี ในสมัยนั้นพระผู้เป็นเจ้าสารีบุตรมีความใคร่เพื่อจักยังพระพุทธเจ้าให้แสดงธรรมประกาศอานิสงส์ สร้างหนังสือพระธรรมให้ทราบทั่วถึงแก่พุทธบริษัท แล้วจะได้มีศรัทธาปสันนาการเลื่อมใสสร้างหนังสือพระธรรม อันเป็นรากเหง้าพระพุทธศาสนาให้ถาวรรุ่งเรืองต่อไป จะได้ประดิษฐานอยู่สิ้นกาลนาน ยังความสุขเกษมสำราญให้มีอยู่กับโลกตลอดไป พระผู้เป็นเจ้าจึงไปสู่สำนักพระบรมครู แล้วทูลถามว่าข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์อันว่าชนทั้งหลายเหล่าใดมีศรัทธาเลื่อมใส ได้สร้างหนังสือพระธรรมเพื่อสืบอายุพระศาสนาให้ยืนยาวออกไปถึง ๕ พันวัสสา จะมีอานิสงส์ผลเป็นประการใดพระพุทธเจ้าข้า พระผู้ทรงพระภาค จึงตรัสพยากรณ์ว่า ดูกร สารีบุตร นรชนทั้งหลายมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ปาณสัตว์อนุชนเกิดสุดท้ายภายหลังได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ อันยิ่งใหญ่มโหฬาร หาประมาณมิได้ ดูกร สารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้ง ๓ ปิฎกนั้นเลย แม้แต่อักษรตัวหนึ่งหรือคำหนึ่ง ซึ่งเป็นคำย่อๆ พอได้ให้ผู้พบเห็นเป็นเครื่องหมายให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยนำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้ทัศนา เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้ ก็อาจสามารถจะให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิราชถึง ๘ หมื่น ๔ พันกัลป์ ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้ว จะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชามีอานุภาพมากอีก ๙ อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไป คือตระกูลพราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐีคฤหบดีและเป็นภูมิเทวดา อากาศเทวดา อย่างละ ๙ อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ ๖ ชั้น ประณีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ ๙ อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้ว ก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายบริสุทธิ์ผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้ทัศนา ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากบาปกรรม อานิสงส์ดังกล่าวมานี้ เพราะอำนาจสร้างอักขระตัวเดียวจะปรารถนาสมบัติอย่างไรก็จะได้สำเร็จดังเจตนาทุกประการ ดูกร สารีบุตร เมื่อครั้งเราตถาคตสร้างบารมีอยู่ ได้อุบัติขึ้นเป็นอำมาตย์ของพุทธบิดาแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปุราณโคดม ได้สร้างพระไตรปิฎกยกไว้ให้สืบพระพุทธศาสนาแล้วตั้งปณิธานความปรารถนาว่าขอให้ข้าพระองค์ได้มาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาลโน้นเพราะผลอานิสงส์นี้เทอญ สมเด็จพระปุราณโคดมบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่าอำมาตย์ผู้นี้ต่อไปภายภาคหน้า จะได้ตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระสมณโคดม บัดนี้ ก็สมดังพระพุทธฎีกาที่พระปุราณโคดมพุทธเจ้าทรงทำนายตถาคตไว้ทุกประการ ท่านทั้งหลายจงมนสิการตามกระแสพระพุทธฎีกา แล้วรื่นเริงอาจหาญในกองการกุศลที่ท่านได้กระทำมาแล้วนั้นก็จะประสบความสำเร็จ ดังพระสุคตทรงบำเพ็ญมาแล้วนั้นทุกประการ ฯ

หน้า: [1]