เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ความจริงของความรู้สึก

หน้า: [1]
1
สาธุ สาธุ ทุกสื่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องสมมุติ ถ้าสิ่งไหนมากระทบจนอายตนะนั้นสัมผัสได้ ก็ให้จิตแค่"รู้ตัว"ว่าอายตนะนั้นมันเกิดขึ้น เอาปัญญาเป็น"ตัวรู้"ว่าอย่าเอาใจไปยึดติด เอาสิ่งที่เกิดขึ้นวางมันไว้อยู่ข้างนอกอายตนะ ใช้ปัญญาดูความเปลี่ยนแปลงของมัน จะมีความรู้สึกเกิดขึ้นว่ามันไม่น่ายึดติดไม่อยากเก็บไว้ เพราะชีวิต,ธรรมชาติและทุกสรรพสิ่งมันคือการเปลี่ยนแปลง ในเมื่อสิ่งนั้นมีอยู่(ต้นไม้) อีกสิ่งหนึ่งก็ต้องมีอยู่(เปลือก,แก่นของต้นไม้) แล้วเวลาล่วงเลยผ่านไป(เกิดความเปลี่ยนแปลง) จนสิ่งนั้นไม่มีอยู่(ต้นไม้) อีกสิ่งหนึ่งก็ต้องไม่มีอยู่(เปลือก,แก่นของต้นไม้) สิ่งนั้นมีอยู่แล้วอีกสิ่งหนึ่งมีอยู่..ผมเรียกว่า"รูปธรรม" แล้วสิ่งไหนที่เกิดขึ้นอยู่(ความทุกข์) อีกสิ่งหนึ่งก็จะไม่เกิดขึ้นอยู่(ความสุข หรืออารมณ์อื่นๆ) ถ้าสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น(ความทุกข์) อีกสิ่งหนึ่งก็จะเกิดขึ้น(ความสุข หรืออารมณ์อื่นๆ) มันจะเกิดขึ้นพร้อมๆกันไม่ได้ ต้องรอให้สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป อีกสิ่งหนึ่งถึงจะเกิดขึ้นมา..ผมเรียกว่า"นามธรรม" หากจิตใช้ปัญญาดูสิ่งไหนโดยที่สิ่งนั้นอยู่นอกอายตนะ จิตมันจะรู้และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ (เป็นความเข้าใจที่เกิดจากความรู้สึกไม่ใช่ความเข้าใจที่เกิดจากความคิดเพียงอย่างเดียว) เพราะว่าจิตนั้น"รู้ตัว"อยู่ตลอดเวลาเลยไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา จิตจึงเจริญด้วยปัญญาอย่างถูกต้องและยุติธรรม ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมันไม่มีความรู้สึกเข้าข้างตัวเรา ไม่มีความรู้สึกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้ปัญญาดูที่เหตุและผล อย่างเป็นกลาง เพราะความยุติธรรมมันก็จะเข้าข้าง...ความถูกต้องเสมอ...ถ้าหากผมกล่าวผิดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ...(จากสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่)
สาธุ สาธุ ผมยินดีมากที่ยังมีบุคคลที่แสวงหาพุทธภูมิ เพราะผมรู้สึกโดดเดี่ยวในเส้นทางสายนี้ เส้นทางที่ไปถึงฝั่งมันมีหลายเส้นทาง แต่ปลายทางก็คือนิพพาน ผมเป็นคนหนึ่งที่มีเส้นทางไม่เหมือนกับพระพุทธองค์ องค์ปัจจุบัน อาจจะเป็นธรรมะในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะพูดคุยกับบุคคลที่ปรารถนาหน่อพุทธภูมิทุกท่าน แฟสบุ๊คผม "ความจริงของความรู้สึก คัมภีร์เวตาล" หรือโทร 0840868717 หนุ่ม สาธุ สาธุ

2
สาธุ สาธุ บุคคลใดเมื่อดวงตาเห็นธรรม(เห็นสัจธรรม) จิตของบุคคลนั้นก็จะรู้ มองเห็นหนทางที่จะไปถึงฝั่งด้วยตนเอง หากจิตของบุคคลนั้น
พิจรณาดูให้ดี ถ้าขึ้นฝั่งได้ภายในชาตินี้มันจะมีอยู่สองเส้นทางหลัก "เส้นทางแรก"..จิตจะเกิดความเบื่อหน่าย มีความปรารถนาที่จะไปถึงฝั่งเพียงแค่องค์เดียว ไม่นำพาใครไปด้วยเพราะสิ่งที่ท่านรู้ ท่านนั้นรู้เพียงองค์เดียวไม่สามารถที่จะอธิบาย_สิ่งที่รู้ให้ใครนั้นเข้าใจได้ ท่านจึงละสังขารขึ้นฝั่งจากไปองค์เดียว   
"เส้นทางที่สอง"..จิตจะเกิดความเบื่อหน่าย แต่ในความเบื่อหน่ายนั้นมันจะเกิดความเมตตาในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงทำให้ท่านนั้นต้องศึกษาเส้นทาง เมื่อจิตรู้อะไร สติมันจะเตือนให้ตั้งคำถามและหาคำตอบในสิ่งที่จิตนั้นรู้อย่างละเอียดที่สุด ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเส้นทางจนกว่าท่านนั้นจะถึงฝั่ง เพื่อทำความเข้าใจในทุกขณะจิต ที่เก็บความรู้ ความเข้าใจนั้น เพราะมันจะเป็นหนทางที่จะช่วยให้คนอื่นนั้นถึงฝั่งด้วย ท่านจะช่วยผู้คน จนท่านนั้นละสังขารแล้วท่านก็ขึ้นฝั่งจากไป.. เหมือนที่พระอาจารย์มั่นท่านได้ปฏิบัติตลอดมา ทั้งสองเส้นทางนี้มันเป็นแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้ทางสั่งสอน ปรารถนาที่จะช่วยให้สัตว์โลกนั้นได้ขึ้นฝั่ง หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความทุกข์ทั้งปวง    แต่!มีบุคคลที่ดวงตาเห็นธรรม แล้วมองเห็นเส้นทางเล็กๆ แยกออกมาเป็นเส้นทางที่สาม และน้อยคนนักจะมองเห็น มันเป็นเส้นทางที่ไม่เหมือนเส้นทาง มันคือเส้นทางของบุคคลที่เห็นสัจธรรมแล้วจิตไม่เกิดความเบื่อหน่าย กลับมีความเมตตา สงสารมนุษย์และสรรพสัตว์ที่กำลังหลงทาง ยังคงวนเวียนอยู่ในความทุกข์,ความอยาก,ความเห็นแก่ตัว,เพื่อสนองความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด ยังไม่ปรารถนาที่จะขึ้นฝั่ง แต่ปรารถนาที่จะอยู่ช่วยสัตว์โลกให้ได้มากที่สุด ความเหนื่อย ความท้อคืออุปสรรคที่สำคัญ มันจะคอยเหนี่ยวรั้งจิตใจท่านนั้น ให้ก้าวเดินออกไปจากทางสายนี้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความเมตตา ความสงสารของท่านว่ามีมากเท่าไหร่ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ความเหนื่อย ความท้อนั้นจางหายไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น เพราะเส้นทางนี้...หนทางมันยังอยู่อีกยาวไกลนัก
        ..."จิต"นั้นเปรียบเสมือน"เรือ"...
      ...เราต้องทิ้ง"เรือ"ก่อนที่จะขึ้นฝั่ง...

หน้า: [1]