เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ไนซ์

หน้า: [1]
2
สวัสดีครับ ทุกท่าน ....ผมชื่อ ไนซ์ครับ.....ขออนุโมทนากับเมตตาแห่งโพธิจิตของทุกท่านที่มีต่อสรรพชีวิตในสังสารวัฏนี้ครับ.... ผมปรารถนาพุทธภูมิเช่นกัน....เห็นความเป็นมาเรื่องราวความปรารถนาของทุกท่านแล้ว...ยังกำลังใจให้กับผมเช่นกัน แม้เรื่องราวของผม ไม่ได้พิเศษเช่นพวกท่าน และยังไม่รู้แนวทาง ปฏิปทา เช่นทุกท่าน .... ทุกวันนี้ ยังไม่มีครูบาอาจารย์กับเขาเลย...แต่เข้าใจว่า พุทธภูมินั้น....ย่อมเกิดมาเพื่อเรียนรู้ธรรมยิ่งกว่าใคร เพราะเราเรียนวิชาครู การจะเป็นครู ย่อมต้องรู้ทุกสิ่ง.... แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้ มีเพียง ปัญญาจากการอ่าน ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่เสมอเท่านั้น ยังไม่มีปฏิปทาทางการปฏิบัติเช่นคนอื่นเขา..... เดิมทีเดียวใช้ชีวิตแบบโลกๆ มานานมากกก..... แต่ผมรู้สึกว่า... ผมคิดอะไรแปลกๆกว่าคนปกติทั่วๆไปเขาคิดกัน... และมีความแปลกใจกับความรู้สึกตัวเอง..... ความคิดหนึ่งคือ....ครอบครัวของผมไม่ได้อบอุ่นเช่นครอบครัวอื่น พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พูดง่ายๆว่า แยกทางกัน ...เราก้ออยู่กับแม่ กับน้องสาว...แต่ไม่เคยรู้สึกว่าขาดความอบอุ่น เพียงแต่...แม่ของเรา ก้อไม่ได้มีเวลามาสั่งสอนอะไรเรา ...เราอยู่กับตัวเอง เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง .... ลองอะไรๆทั้งดีและไม่ดีด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาบอกว่า อะไรดี อะไรไม่ดี แต่ก้อสอนตัวเองเสมอ ... อะไรดี รักษาไว้ อะไรไม่ดีก้อละเลิกไป....มีอะไรบางอย่างที่ไม่เข้าใจติดค้างอยู่ในใจมาตลอด คอยถามตัวเองเสมอ ไม่รู้คนอื่นเค้าถามตัวเองแบบนี้ไหม....."เราเกิดมาเพื่ออะไร"....แน่นอนไม่ได้เกิดมาเพื่อทำอะไรแบบโลกๆนี้แน่ๆ....มันเกิดความคิดแบบนี้ในหัวเสมอๆ ตั้งแต่เด็กๆ ...และคอยเฝ้าตามหาสิ่งที่เราควรทำมาตลอด....แน่นอน ไม่รู้ทำไม เรามักห่วงคนอื่นเสมอ สงสารคนอื่นเสมอ แม้แต่คนที่ทำร้ายเรา...พอเราสบโอกาสเอาคืน ...เรากลับสงสารเขาจับใจ ไม่อยากทำร้ายเขา ถึงขนาดร้องไห้ออกมา....เราสงสัยตัวเราเอง ว่า...นี่เราอ่อนแอหรือเปล่า ....ก้อได้คำตอบว่า ไม่นะ ....เราก้อไม่ได้อ่อนแอ ..... ไม่ใช่คนปวกเปียกแบบนั้น เพียงแต่เราไม่ต้องการจะทำร้ายใครให้เจ็บเหมือนที่เราเจ็บเท่านั้นเอง.... สมัยเด็ก เราเคยไปเข้าศาสนาคริสต์ด้วยความบังเอิญ เราศรัทธานะ เพราะคนคริสต์เขาดูท่าทางมีความสุข เราศึกษานะ ศึกษาเหมือนแบบพุทธ ศึกษาได้ดีแบบได้เกียรติบัตรอะไรแบบนั้นเลย แต่พ่อแม่เราไม่เห็นด้วยคัดค้านหนักเลย ...เราก็เลยออกจากคริสต์ ... มีวันนึง แม่เราไปได้หนังสือกรรมฐานของ ท่านหลวงพ่อพระราชพรหมญาณมา....ปกติ เราชอบอ่านหนังสือมากอยู่แล้ว....จึงอ่านและชอบใจ บทอสุภกรรมฐาน กายคตานุสติกรรมฐาน และมรณัสติกรรมฐาน..... เป็นพิเศษ ....เล่าถึงตรงนี้ แปลกอีกอย่าง คือ ผมเป็นคนไม่กลัวอะไรเลยซักอย่าง ...แม้แต่ความตาย .. บอกตัวเองเสมอมาตลอดว่า...แม้จะตายตอนนี้ เวลานี้ ก็จะไม่อาลัยในกายสังขารนี้เลย... ปกติ ไม่เคยแขวนพระเลย ถ้าแม่ผมไม่เอามาให้แขวน และส่วนมากก้อจะ เป็นเทพมากกว่าที่แขวน ตอนนี้ที่แขวนอยู่ก็เป็น เหรียญยันต์ แต่ก็ไม่ได้ศรัทธาอะไรผู้สร้าง เพียงแต่ที่แขวน เพราะเป็นเหรียญยันต์ดวงประสูติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...จึงได้แขวน เพราะนี่ก็เป็นเรื่องแปลกอีกอย่างนึงของผม .... คือ ผมเข้าใจว่า คนทั่วไป เคารพศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในฐานะที่ท่านเป็นพระศาสดาของศาสนาพุทธ ...แต่ผมเคารพรักศรัทธาท่านในฐานะ พระพุทธบิดา ผมเรียกท่านว่า "องค์สมเด็จพ่อ" ความคิดผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยที่ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไม ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับท่านไปมากกว่าคนอื่นๆ คือ พระศาสดาของศาสนาพุทธ แค่นั้น.... แต่เคารพรักท่านมาก....หลังจากที่ได้อ่านหนังสือกรรมฐาน ก้อฝึกปฏิบัติแบบศึกษาด้วยตัวเอง ตามหนังสือเล่มเดียว....ก็ไม่รู้นะ รู้สึกว่า มันสงบเยือกเย็นเป็นสมาธิ เรียนหนังสือเข้าใจอะไรง่าย ...เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง... รู้สึกว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิมากๆ จนรู้สึกว่า ตัวเอง กำลังยืนตัวตรงอยู่ และมองก้มต่ำลงไป เบื้องหน้าตัวเอง และเห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่.... เป็นประสบการณ์ที่แปลกเหลือเชื่อ .... หลังจากนั้น ก็มีภาระแบบโลกๆทำให้ชีวิตยุ่งๆจนไม่ได้ฝึกกรรมฐานอีก..... มีเรื่องแปลกทางความคิดอีกอย่างนึง ไม่ทราบเพื่อนๆเหล่าพุทธภูมิจะเป็นกันไหม คือ...ผมรู้สึกว่า ผมอยากจะบวชมากๆ ตั้งแต่เด็กๆ อยากจะบวชมาก... แต่ไม่เคยได้บวชเลย...ไม่รู้ทำไม ...เพื่อนๆ เขาบวชเณร บวชพระกันหมดแล้ว .... มีแต่ผมที่ยังไม่มีโอกาสได้บวชเรียน....แต่..เหมือนรู้สึกตัวเองเสมอว่า....หากเราบวชแล้ว เราจะครองเพศสมณะตลอดชีวิต..... นั้นยิ่งทำให้ไม่กล้าบวช เพราะคิดว่า หากเรื่องทางโลกยังไม่เรียบร้อย จะเป็นหวงในภายหลัง แต่อีกใจก็คิดว่า หวงไปทำไมกัน กายสังขารของทุกคนก็เป็นเช่นเรา บำรุงรักษาดีอย่างไร ก็ต้องดับสูญไปเป็นธรรมดา ...ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด ทุกคนมีกรรมเป็นของตน เราทำกรรมอันใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น ... มีเพียงทุกข์เท่านั้นที่ดับไป ... หวงใครคนใด เขาก็ต้องตายจากเราไปในซักวันนึง ไม่อาจอยู่กับเราได้ตลอดไป .... นี่เป็นเรื่องราวในวัยเด็กและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน....ผมไม่รู้เลยว่า เราต้องทำอะไร และทำอย่างไร ไม่รู้ทิศทางของตัวเองเลย ...ไม่มีใครคอยบอก ไม่มีใครคอยสอน...จนมาถึงวันนึง....เมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา ...ผมก้อยังเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ใช้ชีวิตแบบโลกๆเหมือนคนอื่นๆคนนึง ...แต่ผมชอบไปวัดนะ มันสงบถูกจริตกับผม ... แต่ก้อชอบชีวิตแบบโลกๆเหมือนคนอื่น ใช้ชีวิต มีแฟน ก้อรักๆเลิกๆ ปกติ....วันนึง ผมได้มีโอกาส ไปร่วมบุญกฐิน...เป็นกฐินเล็กๆ ต้องต่อรถไปหลายต่อ เพราะสถานที่ๆไป อยู่บนยอดเขาสูง เป็นสำนักสงฆ์ ไกล และอยู่ในป่าลึก กว่าจะเข้าป่า ต้องผ่านหุบเขา เหว อะไรแบบนั้น ที่นั้นมีพระเพียงรูปเดียว และมีปู่พราหมณ์ ซึ่งกลุ่มคนที่ไปด้วยนั้น เคารพศรัทธา ผมไม่รู้จักท่านหรอก...เพียงแต่รู้จากคนที่ไปด้วยว่า ปู่พราหมณ์ท่าน ประมาณว่า ท่านมีญาณสามารถสื่อกับอะไรบางอย่าง ผ่านหินลักษณะแปลกๆ ของท่านได้ หลายๆคน พูดถึงก้อเกือบทั้งหมดที่ไป ก้อจะไปถามนั้นถามนี่ท่าน เรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องทอง อื่นๆ ท่านก้อตอบๆไป ....ผมก้อเลยนึกสนุกอยากถามบ้าง ก้อถามเรื่องคู่...ท่านก้อบอกว่า ผมไม่มีคู่.....ผมก้อสงสัย บอกท่านว่า แล้วที่ผมคบๆอยู่ และต่อๆไป ไม่ใช่คู่ผมบ้างเลยหรือ ทำไมถึงไม่มีหล่ะ ...ท่านบอกว่า....ผมเกิดมาในภูมิของพระโพธิสัตว์ .... ผมงงเลย ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยสนใจ พระโพธิสัตว์คืออะไร รู้จักแต่ พระโพธิสัตว์กวนอิม แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรา......จึงถามท่าน ท่านบอกว่า เราเป็นพระโพธิสัตว์เกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมี ชาตินี้เกิดมาบำเพ็ญ จาคะทานบารมี ....ท่านบอกเราแค่นี้....เราก้องงๆ สับสน แต่ที่รู้สึกอีกอย่างนึงคือ คุ้นเคย .... หลังจากกลับมา เราก้อค้นคว้า หาข้อมูล เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก้อยิ่งรู้สึกคุ้นเคย ถูกจริต....เกิดศรัทธาอย่างมาก และก้อเริ่มทำบุญทีละเล็กละน้อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ไปเรียนกสิณกรรมฐานมา เพราะบังเอิญไปติดใจ เกิดไปเห็นพระพุทธรูปปางเปิดโลกทรงเครื่องจักรพรรดิ์ งดงามติดจิตติดใจมาก และมารู้ทีหลังว่า ปางเปิดโลกนี้ เกี่ยวพันกับเราเหล่าพุทธภูมิเป็นอย่างยิ่ง ... และพยายามจะหามาบูชามาตลอด 1 ปีเต็มๆ จนกระทั่งเจอแต่เป็นโรงหล่อที่คาดว่าจะสร้างแต่ไม่รู้จะสร้างเสร็จเมื่อไหร่ และไม่มีพิธีพุทธาภิเษกด้วย ...และเป็นบุญสัมพันธ์เป็นอย่างยิ่งที่โรงหล่อได้สร้างแล้วเสร็จเมื่อเกือบปลายเดือนที่แล้ว และผมได้มีโอกาสสร้างพระประธานปางเปิดโลกนี้ เรียกว่ามีขนาดใหญ่มากทีเดียว และได้นำพระพุทธรูปปางเปิดโลกของผมเองไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกนี้ ซึ่งเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ๋เป็นอย่างยิ่ง เมื่อต้นเดือนนี้เอง.....ตอนนี้ก็กำลังสร้างบุญใหญ่ต่อ ด้วยได้รู้จักพี่คนนึง และได้มีโอกาสอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ถวายวัดต่างๆ ทั่วประเทศ....ตอนนี้ก้อกำลังหาแนวทางปฏิบัติอยู่ครับ เพื่อนพุทธภูมิท่านใดมีอะไรชี้แนะ ชี้นำ ก้อได้โปรดสงเคราะห์แนะนำบ้างนะครับ.....ผมก้ออีกคนนึงที่รู้สึกเบื่อหน่ายสังสารวัฏนี้เช่นกัน.... บางทีก้ออยากจะเข้านิพพานไปเลย...... แต่ไม่เคยคิดลาพุทธภูมิ แม้แต่เสี้ยววินาทีครับ ....รู้สึกว่าจิตตั้งมั่น ต่อพุทธภูมิ เป็นอย่างยิ่ง....แม้จักฆ่าผมให้ตายไปต่อหน้า ก้อจะไม่ขอลาพุทธภูมิ .... อีกอย่างไม่เคยคิดว่าตัวผมเองมีอะไรพิเศษเลย ... แต่ตอนไปเรียนกสิณ ที่สอนกสิณนั้น เค้าบอกว่า เรามีตาที่สามเป็นของเก่าติดตัวเรามา หากตั้งใจปฏิบัติ ก้อจะไปได้เร็ว.... ก็แปลกดีครับ ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ยังไม่ได้คืนมาก็เลยวางไว้เป็นกลางก่อนครับ ....ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องของเราที่บรรยายซะยาวเหยียดเลยครับ ขออภัยถ้ายาวเกินไป และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ ..... ปล. พวกเราเหล่าพุทธภูมิน่าจะมีการรวมกลุ่มพบเจอกันบ้างก้อน่าจะดีนะครับ เท่าที่โอกาสจะอำนวย เผื่อจะได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลร่วมกันด้วยวิธีต่างๆ ตามแต่สมควรแก่กาลครับ สาธุครับ....

หน้า: [1]