211
พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี / Re: มุนีนารถทีปนี การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดย พระพรหมโมลี วิลาศ ญาณวโร
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2012, 12:09:20 PM »
ลำดับนั้น ด้วยเดชะอำนาจผลแห่งพระราชกุศล ที่พระองค์ทรงรักษาอุโบสถศีลเป็นประธาน จึงบันดาลให้สัตตรัตนะอุบัติเกิดขึ้น คือ
๑. ทิพยรัตนะจักรแก้ว บังเกิดแต่เบื้องปุริมทิศแห่งมหาสมุทรงามบริสุทธิ์พร้อมด้วยพันแห่งกำกง อลงกต ย่อมมีมหิทธิประสิทธิสามารถจะให้สำเร็จความประสงค์ทุกประการ
๒. พญาคชสารหัศดินทร์รัตนสาร คือ ช้างแก้วตัวประเสริฐเกิดมาแต่อุโบสถตระกูลอันยิ่งใหญ่
๓. พญาอัศดรรัตนะมัย คือ ม้าแก้วสินธพชาติตัวประเสริฐบังเกิดมีแต่พลาหกตระกูลอาชาไนย
๔. ดวงจินดารัตนะมณี คือ แก้วมณีอันช่วงโชติรัศมีบังเกิดมีมาแต่บรรพตคีรี
๕. ดรุณรัตนะนารี คือ นางแก้วที่เกิดคู่สำหรับบรมกษัตริย์ ซึ่งเทพเจ้าจัดสรรนำมาแต่อุตตรกุรุทวีป
๖. คหบดีรัตนะ คือขุนคลังแก้วผู้ประเสริฐคู่พระบารมี
๗. ปรินายกรัตนะ คือ พระองค์ทรงมีพระบวรดนัยเชษฐวโรรส ดำรงตำแหน่งที่ปรินายกรัตนะขุนพลแก้ว บริหารราชกิจให้ชาวประชาผาสุกอยู่เป็นนิตย์
สมเด็จ พระเจ้าสาครราชจักรพรรดิทรงประกอบด้วยรัตนะทั้ง ๗ ประการ อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เสวยมไหศูรย์ราชสมบัติโดยราชธรรมประเพณี ทรงมีพระเดชานุภาพแผ่ไปทั่วพิภพจบสกลพื้นปฐพี มีสาครสมุทรทั้งสี่กั้นเป็นขอบเขต ทรงเสวยจักรพรรดิสุขอยู่แสนจะสำราญ
กาลครั้งนี้ ปรากฎมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุฏปุราณศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร ตามพระพุทธประเพณีอันมีสืบมา ด้วยพระมหาเดชานุภาพแห่งพระธรรมจักรของพระองค์ที่ทรงแสดงในกาลครั้งนั้นหนัก ยิ่งนัก ประหนึ่งว่าพื้นแผ่นปฐพีนี้ จะทรงน้ำหนักซึ่งพระคุณไว้มิได้ ก็เกิดกัมปนาทหวาดหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ทั่วโลกธาตุ ก็เพราะให้มีอันเป็นเกิดกัมปนาทหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ทั่วโลกธาตุก็เพราะให้ มีอันเป็นเกิดกัมปนาทหวาดหวั่นไหวไปทั่วพื้นปฐพีนี่เอง จึงเป็นเหตุให้จักรแก้วของสมเด็จพระเจ้าสาครราชจอมจักรพรรดิ เคลื่อนตกจากที่ตั้งไว้ เป็นนิมติเหตุให้เห็นประจักษ์ตาอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
แท้จริง ธรรมดาจักรแก้วของพระบรมจักรพรรดิราชเจ้านั้น มหาอำมาตย์ราชบุรุษทั้งหลาย ย่อมมั่นคงสวยงามที่เสาสองต้นแล้วเอาเชือกผูกจักรแก้วประดิษฐานตั้งไว้มั่น คงเป็นอันดี อภิบาลรักษาอย่างถ้วนถี่ไม่มีโอกาสที่จะเคลื่อนคลาดพลาดตกลงมาได้ ครั้นเมื่อเกิดกัมปนาทไปทั่วทั้งแผ่นดินเช่นนั้น จักรแก้วก็พลันตกลงมาจากที่ตั้งอย่ ณ ภายใต้เสาทั้งสองนั้น ฝ่ายราชบุรุษผู้อภิบาลรักษา ได้เห็นแล้วก็ตกใจ จึงรีบเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระสาครราชบรมจักรพรรดิ์ พระองค์ได้สดับก็ทรงสะดุ้งพระทัยว่าจักรแก้วนี้ ย่อมเป็นที่นับถือทั่วโลก เหตุไฉนจึงพลัดตกไปจากที่ตั้งได้ ในกรณีเช่นนี้อันตรายแห่งชีวิตจะมีแก่เรา หรือว่าอันตรายจะปรากฎมีแก่ราชสมบัติเห็นประการใด ทรงสงสัยดังนี้แล้ว จึงดำรัสถามโหราราชเนมิตทิพาจารย์ทั้งหลายว่าเป็นประการใด
พระโหราราชครูผู้รู้นิมิตทั้งหลาย ถึงถวายพยากรณ์กราบทูลว่า
"ข้าแต่สมมติเทวราช! เหตุที่ทำให้จักรแก้วนี้ เกิดมีอันเป็นเลื่อนเคลื่อนตกลงไปนั้นมีอยู่ ๒ ประการ คือ
๑. เป็นนิมิตแห่งอันตรายต่อพระชนม์ ของสมเด็จพระบรมจักรพรรดิและ
๒. เป็นนิมิตแห่งเหตุที่สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติในโลก
จักรแก้วจะเคลื่อนตกจากที่ตั้งไว้ได้ ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้เท่านั้น พระเจ้าข้า"
สมเด็จพระจักรพรรดิราช จึงตรัสถามต่อไปว่า
"ก็จักรแก้วของเราที่เคลื่อนตกครั้งนี้ จะเป็นด้วยเหตุประการใดเล่า?"
พระโหราราชครูทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันตรวจดูจนแน่แก่ใจแล้ว จึงกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ! การที่จักรรัตนะตกลงมาครั้งนี้ จะได้ปรากฎเป็นนิมิตแห่งชีวิตอันตรายของพระองค์นั้น หามิได้ดอก พระเจ้าข้า โดยที่แท้ เป็นนิมิตแห่งความที่สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้แท้ทีเดียว
ก็สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้แล้ว ย่อมทรงมีพระเกียรติศัพท์บรรลือด้วยพระคุณมากมายเป็นอดุลนับไม่ได้ ทรงไว้ซึ่งเนมิตตกนามดังต่อไปนี้ คือ
๑. อรหํ...ทรงเป็นพระอรหันต์กอรปด้วยพระคุณควรที่จะรับสรรพสักการะน้อยใหญ่ได้ ทุกประการของชาวโลกทั้งผอง อาจทำให้เกิดอานิสงส์เนืองนองมากมาย แก่สรรพสัตว์ผู้กราบไหว้บูชา
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ... ทรงเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบด้วยอำนาจพระบารมีธรรม ที่พระองค์ทรงสั่งสมมาช้านานธรรมทั้งปวงมาเกิดขึ้นพร้อมในพระหฤทัยของ พระองค์เอง
๓. วิชชาจรณสมฺปนฺโน... ทรงไพบูลย์ด้วยไตรวิชาและอัษฎางควิชา พร้อมทั้งจรณะสิบห้าประการ
๔. สุคโต... ทรงดำเนินไปดี เพราะมีพระนิพพานคติอันดีเป็นที่ดำเนินไป
๕. โลกวิทู... ทรงรู้แจ้งโลก เพราะทรงพระสัพพัญญุตญาณรู้แจ้งจบทั้งสังขารโลก (โลกแห่งความมีความเป็น) และโอกาสโลก (โลกแห่งความว่าง)
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ... ทรงเป็นสารถีมีพระปรีชารู้ทรมานบุรุษผู้ควรทรมานอย่างประเสริฐ เลิศยิ่งในไตรภพเป็นอันดีไม่มีผู้เสมอเหมือน
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ... ทรงเป็นบรมครูใหญ่ ได้โอกาสตรัสพระพุทธฎีกาแก่ฝูงสัตว์ เทพยดา และหมู่มนุษย์พุทธเวไนยทั่วโลกสันนิวาส ให้สามารถบรรลุถึงคุณธรรม อันมีผลเป็นสุขพิเศษ มีพระนิพพานธรรมเป็นที่สุด
๘. พุทฺโธ... พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้วเต็มที่ เป็นผู้ตื่นแล้วจากความหลับ คือกิเลสนิทรา
๙. ภควา... พระองค์ทรงเป็นผู้จำแนกธรรม และเป็นผู้มีส่วนแห่งพระบารมีธรรมอันจำเริญ
โดยพระเดชานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐล้ำเลิศในไตรโลก จักรรัตนของพระองค์จึงหวั่นไหวให้มีอันตกลงมา จะได้มีอันตรายอันใดอันหนึ่งก่อนนั้นหามิได้ ขอเดชะ" พระโหราราชครูกราบทูลอธิบายอย่างยืดยาว
๑. ทิพยรัตนะจักรแก้ว บังเกิดแต่เบื้องปุริมทิศแห่งมหาสมุทรงามบริสุทธิ์พร้อมด้วยพันแห่งกำกง อลงกต ย่อมมีมหิทธิประสิทธิสามารถจะให้สำเร็จความประสงค์ทุกประการ
๒. พญาคชสารหัศดินทร์รัตนสาร คือ ช้างแก้วตัวประเสริฐเกิดมาแต่อุโบสถตระกูลอันยิ่งใหญ่
๓. พญาอัศดรรัตนะมัย คือ ม้าแก้วสินธพชาติตัวประเสริฐบังเกิดมีแต่พลาหกตระกูลอาชาไนย
๔. ดวงจินดารัตนะมณี คือ แก้วมณีอันช่วงโชติรัศมีบังเกิดมีมาแต่บรรพตคีรี
๕. ดรุณรัตนะนารี คือ นางแก้วที่เกิดคู่สำหรับบรมกษัตริย์ ซึ่งเทพเจ้าจัดสรรนำมาแต่อุตตรกุรุทวีป
๖. คหบดีรัตนะ คือขุนคลังแก้วผู้ประเสริฐคู่พระบารมี
๗. ปรินายกรัตนะ คือ พระองค์ทรงมีพระบวรดนัยเชษฐวโรรส ดำรงตำแหน่งที่ปรินายกรัตนะขุนพลแก้ว บริหารราชกิจให้ชาวประชาผาสุกอยู่เป็นนิตย์
สมเด็จ พระเจ้าสาครราชจักรพรรดิทรงประกอบด้วยรัตนะทั้ง ๗ ประการ อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เสวยมไหศูรย์ราชสมบัติโดยราชธรรมประเพณี ทรงมีพระเดชานุภาพแผ่ไปทั่วพิภพจบสกลพื้นปฐพี มีสาครสมุทรทั้งสี่กั้นเป็นขอบเขต ทรงเสวยจักรพรรดิสุขอยู่แสนจะสำราญ
กาลครั้งนี้ ปรากฎมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุฏปุราณศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร ตามพระพุทธประเพณีอันมีสืบมา ด้วยพระมหาเดชานุภาพแห่งพระธรรมจักรของพระองค์ที่ทรงแสดงในกาลครั้งนั้นหนัก ยิ่งนัก ประหนึ่งว่าพื้นแผ่นปฐพีนี้ จะทรงน้ำหนักซึ่งพระคุณไว้มิได้ ก็เกิดกัมปนาทหวาดหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ทั่วโลกธาตุ ก็เพราะให้มีอันเป็นเกิดกัมปนาทหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ทั่วโลกธาตุก็เพราะให้ มีอันเป็นเกิดกัมปนาทหวาดหวั่นไหวไปทั่วพื้นปฐพีนี่เอง จึงเป็นเหตุให้จักรแก้วของสมเด็จพระเจ้าสาครราชจอมจักรพรรดิ เคลื่อนตกจากที่ตั้งไว้ เป็นนิมติเหตุให้เห็นประจักษ์ตาอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
แท้จริง ธรรมดาจักรแก้วของพระบรมจักรพรรดิราชเจ้านั้น มหาอำมาตย์ราชบุรุษทั้งหลาย ย่อมมั่นคงสวยงามที่เสาสองต้นแล้วเอาเชือกผูกจักรแก้วประดิษฐานตั้งไว้มั่น คงเป็นอันดี อภิบาลรักษาอย่างถ้วนถี่ไม่มีโอกาสที่จะเคลื่อนคลาดพลาดตกลงมาได้ ครั้นเมื่อเกิดกัมปนาทไปทั่วทั้งแผ่นดินเช่นนั้น จักรแก้วก็พลันตกลงมาจากที่ตั้งอย่ ณ ภายใต้เสาทั้งสองนั้น ฝ่ายราชบุรุษผู้อภิบาลรักษา ได้เห็นแล้วก็ตกใจ จึงรีบเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระสาครราชบรมจักรพรรดิ์ พระองค์ได้สดับก็ทรงสะดุ้งพระทัยว่าจักรแก้วนี้ ย่อมเป็นที่นับถือทั่วโลก เหตุไฉนจึงพลัดตกไปจากที่ตั้งได้ ในกรณีเช่นนี้อันตรายแห่งชีวิตจะมีแก่เรา หรือว่าอันตรายจะปรากฎมีแก่ราชสมบัติเห็นประการใด ทรงสงสัยดังนี้แล้ว จึงดำรัสถามโหราราชเนมิตทิพาจารย์ทั้งหลายว่าเป็นประการใด
พระโหราราชครูผู้รู้นิมิตทั้งหลาย ถึงถวายพยากรณ์กราบทูลว่า
"ข้าแต่สมมติเทวราช! เหตุที่ทำให้จักรแก้วนี้ เกิดมีอันเป็นเลื่อนเคลื่อนตกลงไปนั้นมีอยู่ ๒ ประการ คือ
๑. เป็นนิมิตแห่งอันตรายต่อพระชนม์ ของสมเด็จพระบรมจักรพรรดิและ
๒. เป็นนิมิตแห่งเหตุที่สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติในโลก
จักรแก้วจะเคลื่อนตกจากที่ตั้งไว้ได้ ด้วยเหตุ ๒ ประการนี้เท่านั้น พระเจ้าข้า"
สมเด็จพระจักรพรรดิราช จึงตรัสถามต่อไปว่า
"ก็จักรแก้วของเราที่เคลื่อนตกครั้งนี้ จะเป็นด้วยเหตุประการใดเล่า?"
พระโหราราชครูทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันตรวจดูจนแน่แก่ใจแล้ว จึงกราบทูลว่า
"ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ! การที่จักรรัตนะตกลงมาครั้งนี้ จะได้ปรากฎเป็นนิมิตแห่งชีวิตอันตรายของพระองค์นั้น หามิได้ดอก พระเจ้าข้า โดยที่แท้ เป็นนิมิตแห่งความที่สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้แท้ทีเดียว
ก็สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกธาตุนี้แล้ว ย่อมทรงมีพระเกียรติศัพท์บรรลือด้วยพระคุณมากมายเป็นอดุลนับไม่ได้ ทรงไว้ซึ่งเนมิตตกนามดังต่อไปนี้ คือ
๑. อรหํ...ทรงเป็นพระอรหันต์กอรปด้วยพระคุณควรที่จะรับสรรพสักการะน้อยใหญ่ได้ ทุกประการของชาวโลกทั้งผอง อาจทำให้เกิดอานิสงส์เนืองนองมากมาย แก่สรรพสัตว์ผู้กราบไหว้บูชา
๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ... ทรงเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบด้วยอำนาจพระบารมีธรรม ที่พระองค์ทรงสั่งสมมาช้านานธรรมทั้งปวงมาเกิดขึ้นพร้อมในพระหฤทัยของ พระองค์เอง
๓. วิชชาจรณสมฺปนฺโน... ทรงไพบูลย์ด้วยไตรวิชาและอัษฎางควิชา พร้อมทั้งจรณะสิบห้าประการ
๔. สุคโต... ทรงดำเนินไปดี เพราะมีพระนิพพานคติอันดีเป็นที่ดำเนินไป
๕. โลกวิทู... ทรงรู้แจ้งโลก เพราะทรงพระสัพพัญญุตญาณรู้แจ้งจบทั้งสังขารโลก (โลกแห่งความมีความเป็น) และโอกาสโลก (โลกแห่งความว่าง)
๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ... ทรงเป็นสารถีมีพระปรีชารู้ทรมานบุรุษผู้ควรทรมานอย่างประเสริฐ เลิศยิ่งในไตรภพเป็นอันดีไม่มีผู้เสมอเหมือน
๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ... ทรงเป็นบรมครูใหญ่ ได้โอกาสตรัสพระพุทธฎีกาแก่ฝูงสัตว์ เทพยดา และหมู่มนุษย์พุทธเวไนยทั่วโลกสันนิวาส ให้สามารถบรรลุถึงคุณธรรม อันมีผลเป็นสุขพิเศษ มีพระนิพพานธรรมเป็นที่สุด
๘. พุทฺโธ... พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้วเต็มที่ เป็นผู้ตื่นแล้วจากความหลับ คือกิเลสนิทรา
๙. ภควา... พระองค์ทรงเป็นผู้จำแนกธรรม และเป็นผู้มีส่วนแห่งพระบารมีธรรมอันจำเริญ
โดยพระเดชานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐล้ำเลิศในไตรโลก จักรรัตนของพระองค์จึงหวั่นไหวให้มีอันตกลงมา จะได้มีอันตรายอันใดอันหนึ่งก่อนนั้นหามิได้ ขอเดชะ" พระโหราราชครูกราบทูลอธิบายอย่างยืดยาว