เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Webmaster

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 16
91


ทำไว้ตั้งแต่วันนี้

การปฎิบัติธรรมควรทำไว้ตั้งแต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ หากไม่ฝึก ไม่รู้จักเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ตอนจะตายมันจะทรมาน เพราะจิตไม่ได้มีการเตรียมพร้อม จิตจะเคว้ง ไม่รู้จะไปไหน เมื่อตายไปแล้วจะลำบาก เพราะไม่ได้สะสมพลังงานบุญไว้ ไม่ได้ฝึกจิตให้ละเอียดไว้ เพราะฉะนั้นคนที่ได้มีบุญเข้าหาธรรมะตั้งแต่ตอนนี้ ถือว่าได้เตรียมตัวตายก่อนตาย เพราะเราต้องตายกันทุกคน

เราควรที่จะเข้าหาธรรมะไว้ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว เพราะต่อไปในการดำเนินชีวิต เราจะต้องพบเจอกับทั้งความสุข ความทุกข์ ความดีใจ ความเสียใจ หากเราไม่มีธรรมะประจำใจแล้ว ก็เหมือนเราขาดภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำเนินชีวิต เมื่อพบเจอกับสิ่งต่างๆมากระทบ

เรานักปฏิบัติทั้งหลาย อย่าปล่อยเวลาให้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ให้หมั่นภาวนาไว้ตลอดเวลา พอลืมตาตื่นก็ให้ภาวนาไปจนถึงเวลานอน ให้คำภาวนานั้นหายไปพร้อมกับการหลับ ทำเช่นนี้ให้เคยชิน ไม่ว่าขณะนั้นกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในรถ ในเรือ หรือเดินอยู่ ก็ต้องภาวนา อย่าประมาท การภาวนานี้นอกจากจะเป็นบุญ และทำให้จิตได้ทำงานแล้ว ยังช่วยให้เราไม่ประมาทในความตายด้วย เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่า ตัวเองจะตายเมื่อไหร่ นอกจากพระอรหันต์ท่านเท่านั้น ฉะนั้น จงภาวนาไป ไม่เสียหาย ไม่เสียตัง มีแต่กำไร..

. . .

เรียบเรียงจากคติธรรมของ หลวงตาม้า
วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
www.watthummuangna.com
www.facebook.com/watputtaprompanyo

92


วันนี้เราขาดทุนหรือกำไร?

ตื่นขึ้นมาก็ให้ทำแล้ว กราบพระแล้วทำวัตรสั้นๆ อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่องค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน เวลากินข้าว อาบน้ำ เวลาว่าง เวลานอน ยืน เดิน นั่ง นอน ให้ภาวนา จนกว่าจะนอน ทรงอารมณ์แบบนี้ อานิสงค์มหาศาล เป็นบุญทุกลมหายใจเข้าออก อย่ามัวนึกแต่กรรมเก่าในอดีต มันทำให้เราเศร้าหมอง ให้เบนกระแส อารมณ์ดี จิตสบาย สวดมนต์ ภาวนา จิตเป็นสุข เป็นปิติ ปิดอบายภูมิไม่ตกนรก กำพระสวดมนต์ นึกถึงพระ จิตจะชิน ถ้าไม่ฝึกไว้ เวลาตาย มันจะเคว้งไม่รู้จะไปไหน

ชีวิตมันสั้น ก่อนสวด ก่อนนอน ให้พิจารณาวันนี้ เราขาดทุนหรือกำไร ทำบุญ บาปอะไร มีบารมีอันไหนที่ขาดต้องบำเพ็ญสร้างบารมีเพิ่มขึ้นบ้าง

. . .

เรียบเรียงจากคติธรรมของ หลวงตาม้า
วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
www.watthummuangna.com
www.facebook.com/watputtaprompanyo

93
อภิญญาปฎิบัติ / ไม่ต้องพิธีรีตองมาก
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 09:00:22 PM »


ไม่ต้องพิธีรีตองมาก

หลวงปู่ดู่ วัดสะแก สมัยที่ท่านยังดำรงขันธ์ หรือมีชีวิตอยู่ บุญญาภินิหารปรากฎเป็นเนือง ๆ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฮือฮามาก เรื่องมีอยู่ว่า มีหญิงสาวผู้หนึ่ง เป็นบุตรีอดีตผู้ว่าฯ หญิง ดังกล่าว เป็นหญิงที่มีรูปงาม งามทั้งรูป งามทั้งเกียรติ์ และพร้อมด้วยทรัพย์ ย่อมเป็นที่ ปราถนาของชายหนุ่มทั่วไป มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาคบหา และในวันหนึ่ง บุตรีอดีตท่านผู้ว่าฯ ได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน โดยมีสาวใช้ติดตามไปด้วย ขณะเดินได้ พบชายผู้หนึ่ง แอบมองเธออยู่ และขณะที่เธอกำลังซื้อของ ได้พบหนุ่มดังกล่าวเข้า ถึง ขนาดเดินชน ขณะที่เดินชนเธอ เธอเล่าว่ามีความรู้สึกเหมือนวูบ และดิ่งในภวังค์ ช่วง นั้นเข้าใจว่า อากาศร้อน ไม่สบาย หรืออาจเป็นลมแดดก็ได้

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เธอฝันแต่ชายหนุ่มคนดังกล่าวตลอด มีจิตใจรักเสน่หา หวังที่ จะใช้ชีวิตคู่ด้วย พอตื่นขึ้นมา ระหว่างทานข้าวเห็นหน้าชายหนุ่มคนดังกล่าวในจานข้าว และนับวันความรักที่มีต่อชายหนุ่มแปลกหน้า หนักเป็นทวีคูณ ถึงขนาดล้มหมอน นอนเสื่อ

ได้บอกสาวใช้ว่า ไปข้างนอกบ้านกันเถอะ อยากไปพบพี่เขา จำได้ใช่ไหม ผู้ชายที่ชน เราเมื่อ 3 วันก่อน ฝ่ายอดีตผู้ว่าฯ รู้เข้าได้สั่งบริวาร ห้ามให้ลูกสาวออกนอกบ้านเด็ดขาด และได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทุกคนลงความเห็นว่า โดนของ หรือโดน เสน่ห์เข้าจังแล้ว

ทุกวันหญิงสาวคนดังกล่าว เอาแต่เก็บตัวในห้องพัก ข้าวปลาไม่ยอมทาน ทั้งวันเอาแต่เพ้อ พรรณาถึงชายหนุ่มแปลกหน้าดังกล่าว ท่านอดีตผู้ว่า ฯ ได้พาบุตรีไปหาสำนักไสยเวทย์ หลายแห่ง ตามที่มีคนแนะนำ แต่ก็ไม่หาย ร่างกายของหญิงดังกล่าว ก็ซูบผอม หน้าตา หมองคล้ำ สาวใช้ และมารดา ตามไปทานข้าว มองตาขวาง ถึงขนาดเข้ามาบีบคอ ฝ่ายบิดามารดา ทุกข์กว่าเป็น 100 เท่า 1000 เท่า

และแล้วฝันที่ฟ้าเปิดมาถึง มีข้าราชการผู้หนึ่งบอกว่าที่จังหวัดอยุธยา มีภิกษุรูปหนึ่ง นามว่า อาจารย์ดู่ แห่งวัดสะแก (พระอาจารย์ของหลวงตาม้า) วิทยาคมแก่กล้า ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่ไป ขอความเมตตากับหลวงปู่ท่านดู ผมว่าท่านสงเคราะห์ช่วยคูณหนูได้

อดีตผู้ว่า ฯ ได้เดินทางไปที่วัดสะแก เพื่อพบหลวงปู่ดู่ ซึ่งขณะนั้นท่านนั่งอยู่นอกกุฏิ กำลัง สนทนากับมัคทายกวัดอยู่ ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเกี่ยวกับบุตรีท่าน + หลวงปู่ดู่ ท่านบอกว่า มัคทายกสงเคราะห์เข้าหน่อย มัคทายกได้นั่งหลับตา บอกว่า หลวงปู่ หญิงสาวดังกล่าว ต้องมนต์เสน่ห์ผีพรายเข้าครับ ของแรงซะด้วย เห็นทีหลวงปู่ต้องสงเคราะห์ บุตรีท่านเจ้าเมืองแล้วละ หลวงปู่ดู่ ท่านนั่งหลับตาสักครู่ใหญ่ และลืมตาขึ้น บอกว่า ไม่มี อะไรแล้วกลับไปบ้านเถอะ ฉันขอบารมีหลวงปู่ทวด แผ่กุศลปลดปล่อยวิญญาณดวงนั้นแล้ว ผีพรายตนนั้นเขาไม่อยากทำเช่นนั้น แต่ถูกอำนาจผู้เรืองอาคมบังคับเอา หมดเคราะห์แล้ว

ฝ่ายอดีตผู้ว่าฯ ยิ่ง งง กันใหญ่ อะไรยังไม่ได้พาลูกสาวมา รักษาได้แล้วหรือ แต่เนื่องจากท่านเป็นพระผู้ใหญ่ จึงได้กราบลา แต่จิตของท่านผู้ว่า ขณะนั้นท่านบอกว่าไม่อยากเชื่อ แต่พอกลับถึงบ้าน เห็นลูกสาวที่เก็บตัวในห้องพัก เดินลงมาข้างล่าง สวมกอดแม่อยู่ ร้องไห้เป็นการใหญ่ บอกว่าหนูตายแล้วเหมือนเกิดใหม่ หนูจะเข้าร่าง แต่มัน ไม่ให้หนูเข้าร่าง ใครก็ไม่รู้ เป็นเงาผู้ชาย เป็นเงาดำทั้งตัว น่ากลัวมาก ๆ ฝ่ายบิดามารดา ถามต่อว่า และหนูหลุดมาได้ยังไง บอกว่า ไม่รู้เหมือนกัน เห็นแสงสว่างสาดเข้าตาหนู พอลืมตามาอีก ครั้งก็พบว่าเข้าร่างได้แล้ว เงาดำที่เห็นก็หายไป

ฝ่ายบิดา และมารดา ได้พาบุตรี ไปกราบหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ที่วัด ซึ่งท่านก็ได้ให้ศีลให้พร หมดเคราะห์ หมดโศกแล้ว โยม นับจากนี้ไปคงไม่มีอะไรมารบกวนอีกแล้วละ คุณพระรัตนตรัยมาช่วยทัน

เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และสร้างความฮือฮา และชื่อเสียงให้กับหลวงปู่ดู่เป็นอย่างมาก ผู้คนทุกสารทิศ ล้วนแต่หลั่งไหล สู่วัดสะแก เพื่อ กราบหลวงปู่ดู่ พระอภิญญาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา บารมี และบูชาวัตถุมงคลที่หลวงปู่อธิษฐานจิต

เรื่องดังกล่าว เคยกราบเรียนถามพ่อพราหมณ์ฯ ว่า เหตุใดไม่ต้องพาหญิงที่ถูกของมา เพียงหลับตาก็แก้อาถรรพ์ได้แล้ว พ่อพราหมณ์ฯ บอกกับลูกศิษย์ว่า หลวงปู่ดู่ ท่านเข้าถึง หัวใจพระรัตนตรัยและวิชา สำเร็จฌาณสมาบัติ และอภิญญาชั้นสูง ทรงไว้ซึ่งบุญญาบารมีที่สูง เทวดาทุกชั้นฟ้าต้องอนุโมทนาและให้ความช่วยเหลือ ไม่ต้องมีพิธีมากมายอะไร หากหลวงปู่ลงมือ กระทำเอง หรือว่ายวานให้ช่วย เพราะเทวดาทุกชั้นฟ้า ต้องโมทนาและให้ความช่วยเหลือ เทวดาก็ต้องการทำบุญกับพระอะระหังเช่นกัน เจ้าอั้ง ใครมีพระหลวงปู่ดู่เก็บไว้ให้ดีเถอะ ของดีของสูง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น สมัยที่หลวงปู่ดู่ ยังดำรงขันธ์อยู่

94
นานาสาระและเสวนาทั่วไป / คาถามหาจักรพรรดิ . . .
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 08:59:52 PM »


ย้อนรอย คาถามหาจักรพรรดิ . . .

บทบูชาฉบับเต็ม สามารถนำไปพิมพ์ได้คลิ๊ก http://luangtamalives.com/images/stories/download/chakkavatti.pdf

“นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ”

“พระคาถามหาจักรพรรดิ” เป็นพระคาถาที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก“ชมพูปติสูตร” ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเพื่อกำราบทิฐิพญา ชมพูบดีพระมหากษัตริย์ผู้มากด้วยอิทธิฤทธิ์ โดยผู้ที่รจนาพระคาถาบทนี้ขึ้นมาก็คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา พระผู้เป็นดั่งร่มโพธิ์แก้วที่แผ่กิ่งก้านใบบุญบารมีมอบความร่มเย็นเป็นสุข ให้แก่ลูกศิษย์ทั่วทุกชนชั้นอย่างไม่มีประมาณตามแนวทางแห่งพระศรีอาริยเมตไตรย์โพธิสัตว์และหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งพระคาถานี้เป็นพระคาถาหลักที่หลวงปู่ดู่ใช้ในการรวมบารมีแผ่เมตตาช่วย เหลือภพภูมิทั้งหลายทั่วสามแดนโลกธาตุ และใช้ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องทุกชนิดของท่าน โดยท่านได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหลาย รวมทั้งพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ไว้ให้แก่ลูกศิษย์ผู้เป็นหน่อโพธิ์แก้วต้นใหม่ที่จะทำหน้าที่สร้างความร่ม เย็นเป็นสุขให้แก่ลูกศิษย์ในรุ่นหลังต่อไปก็คือ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ นั่นเอง

เคยมีลูกศิษย์ที่ทันสังขารหลวงปู่ดู่ท่านหนึงสนทนากับหลวงปู่ถึงเรื่อง 'คาถามหาจักรพรรดิ' ลูกศิษย์ "หลวงพ่อเป็นผู้แต่งคาถาบูชาพระ คาถามหาจักรพรรดิ ใช่มั้ยครับ"

หลวงปู่ "สำเภาเขาสร้างพระพุทธรูป อยากได้คาถาบูชาพระก็เลยมานึกเอาเอง มันจะผิดอยู่หน่อยหนึ่งตรงคำบูชาที่มี นะโมพุทธายะ แล้วก็ ยะธาพุทโมนะ หรือแกว่าไง" หลวงปู่ท่านถามเป็นนัยๆ

ลูกศิษย์ "ปกติ การตั้งองค์พระ การอธิษฐานให้เป็นพระ โบราณเขาใช้กันว่า นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ ดังการที่หลวงพ่อกล่าวเช่นนี้ต้องการให้บูชาคาถาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิใช่ไหมครับ"

หลวงปู่ดู่ท่านพยักหน้ารับ ทั้งหลวงปู่ดู่ยังกล่าวต่อไปเกี่ยวกับบทบูชาพระที่นิยมนำมาเรียกกันว่าคาถาจักรพรรดิในปัจจุบันนี้อีกว่า

"คาถา บทนี้เป็นของดี หมั่นท่องไว้ทุกวัน ปกติเขาไม่ให้กันหรอกเพราะเขากลัวลูกศิษย์จะดีกว่าอาจารย์ แต่ข้าไม่เคยกลัวและไม่ปิดบัง ท่องให้ดีนะอีกหน่อยจะรวย เพราะมีการกล่าวถึงพระสิวลีผู้เป็นเลิศทางลาภไว้ด้วย อาบไปเสกไปก็ได้ กินข้าวก็ได้ ดีทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามาบอกพวกแก ข้าทดลองมาแล้วทั้งนั้น เมื่อดีแล้วจึงมาบอก ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาและหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ คนเราอยู่ดีๆจะให้รวยได้อย่างไร ต้องปฏิบัติเสียก่อน ดูอย่างข้าเมื่อก่อนต้องไปยืมเงินเขามาซื้อธูปเทียนใบชามาเลี้ยงแขก เดี๋ยวนี้ของกินของใช้มีใช้เกลื่อนกลาดไป เรามาพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น แกว่าจริงไหมของดีของอร่อยกินก็ไม่ได้ ฟันไม่มี" หลวงพ่อหัวเราะ และยังเสริมอีกว่า

"คนเราต้องทำให้ดีเมื่อดีแล้วจึงรวย แล้วจะได้ไม่ซวย พระจะดีต้องหมดอยาก ถ้ายังอยากอยู่ก็ไม่ใช่พระดี"

คาถาบูชาพระที่หลวงปู่ดู่ท่านย้ำเอาไว้ให้หมั่นท่องไว้ทุกวันนั้น ต่อมาภายหลังมีลูกศิษย์นำไปสวด แล้วเห็นว่ากายทิพย์ทรงเครื่องเป็นมหาจักรพรรดิ และมีพลังงานขับเคลื่อนเป็นพิเศษทำนองนั้น จึงได้นำมากราบเรียนถามหลวงตาม้าในโอกาสที่หลวงตาลงมา กทม. วันหนึ่ง หลวงตาจึงไขความลับให้ฟังทั่วกันว่า ขณะที่สวดคาถามหาจักรพรรดินั้น ถ้าเทวดาผ่านมาก็จะเห็น แม้แต่ หนู หมา แมว บางครั้งก็สามารถเห็นมิตินี้ได้เช่นกัน

ทุกอย่างที่หลวงปู่ตั้งใจรวบรวมเอาไว้ในพระคาถา ดังที่หลวงตาได้อธิบายเอาไว้ จะมาปรากฏที่กายพลังงานของผู้สวดตลอดเวลาที่กำลังสวด ที่หลวงตาเรียกว่าจิตทำการบันทึกบุญเอาไว้ตลอดเวลา หรือหลังจากสวดแล้ว เจ้าตัวสามารถทรงอารมณ์นั้นเอาไว้ได้ กายพลังงานก็จะมีพลังงานต่างๆในพระคาถาปรากฏอยู่ พลังงานในพระคาถาเป็นอย่างนี้เอง หลวงปู่ดู่จึงได้เน้นย้ำเอาไว้ ให้ลูกหลานหมั่นสวดเป็นประจำ จะกินจะดื่ม จะอาบน้ำก็ดี หรือนึกขึ้นได้เมื่อใดสวดเมื่อนั้น ด้วยเกิดพลังงานบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มหาศาล

ที่หลวงปู่ไม่ได้แจงรายละเอียด รอเวลาเมื่อสิ่งเหล่านี้ได้มาปรากฏในผู้สวดแล้ว จึงนำมาถามถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนว่าเป็นสิ่งไรกันแน่....เป็นการพิสูจน์คุณวิเศษของพระคาถาที่มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ผู้ที่สวดช่วยทำให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ในที่สุด หลวงปู่ท่านพูดน้อยแต่แฝงเอาไว้ด้วยนัยแห่งคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ . . .

หลวงปู่สร้างพระตลอดมาตั้งแต่สมัยบวชใหม่ ท่านบอกว่า ใจเราจะได้อยู่กับพระ เป็นบุญเป็นกุศลดีกว่าไปทำอย่างอื่น จนมาถึงครั้งสำคัญ ที่ท่านได้วิชามหาจักรพรรดิ คือ ท่านเจ้าคุณใหญ่ มีหนังสือขอมโบราณ หลวงปู่เอามาอ่านตอนที่พระพุทธองค์ปราบท้าวมหาชมพู ซึ่งถือตัวว่าเป็นพระมหาจักรพรรดิมีอำนาจมาก ท่านเล่าให้ฟังว่า "อ่านไปก็ยิ่งมีความปิติ อ่านจนถึงเกือบเที่ยงคืน จนเจ้าคุณใหญ่กลับมาจากงานสวด ตั้งแต่นั้นก็ทำเรื่อยมา ของอะไรก็ตามไม่ใช่ทำวันเดียว ต้องทำหลายครั้งจึงจะได้ ข้าเคยไปสักกับหลวงพ่อแสงที่บางบาล สักแล้วก็เข้าไปขอคาถาท่านว่า "ถ้าไม่กินก็ไม่ต้องทำ" พูดแล้วปิดกุฏิเข้าไปเลยไม่ออกมา เราก็มานั่งตรองดูก็จริงตามที่ท่านว่า คือ คนที่ไม่กินก็ต้องตาย อยู่ในโลกก็ต้องทำงาน พวกแกตอนนี้ต้องอยู่ในโลก เหยียบเรือ ๒ แคมไปก่อน โลกบ้างธรรมบ้าง โลกอย่างเดียวก็ไม่ดี ธรรมอย่างเดียวก็ต้องบวช ค่อยๆ ทำไปเถิด นักศึกษาที่เรียนหนังสือ ถ้าลองทำให้ดี เราเรียนเพื่อตัวเอง เพื่อพ่อแม่ เพื่อประเทศชาติ เราคิดอย่างนี้ก็ได้บุญแล้ว" ท่านพูดถึงที่มาของคาถามหาจักรพรรดิ และยังแถมท้ายเรื่องที่ชวนคิดเป็นธรรมะอีกด้วย

หลวงปู่ดู่ท่านยังกล่าวถึงการใช้บทบูชาพระหรือคาถาพระมหาจักรพรรดิของท่านว่า"ข้าเป็นคนโลภมากทำอะไรก็อยากทำให้มากที่สุด ดีที่สุด เดี๋ยวนี้ใช้แค่บทนี้ทั้งนั้น ใครมานั่งคุมเล่าข้าเสกเขาก็รู้เองแหละว่าทำจริงหรือไม่จริง"

หลวงปู่ดู่ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีกเนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโปรดคน" แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่าหลวงพ่อยังติดอยู่กับ ลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเมตตาและบอกความปราถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็น พระโพธิสัตว์

สาเหตุอันเนื่องจากการที่บทความนี้กล่าวท้าวความเกี่ยวกับบท ชมพูบดีสูตร หรือบทมหาจักรพรรดิ์ไว้เนื่องจากปัจจุบันขาดผู้สนใจ เห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แม้แต่พระบางองค์ท่านยังกล่าวว่าเกินความจริง โดยท่านลืมนึกถึงคำว่า "อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความ กระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง ถ้าคิดมากอาจเป็นบ้า สิ่งเหล่านี้ได้แก่

1. พุทธวิสัย วิสัยของพระพุทธเจ้า เช่น ทำไมท่านถึงตรัสรู้ได้ ท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์จริงหรือ
2.วิสัยของกรรม เช่น ทำไมคนนั้นคนนี้รวย จน สมบูรณ์ กำพร้า
3.วิสัยของพระอรหันต์ เช่น ท่านหมดโลภ โกรธ หลงหรือ
4.วิสัยของโลก เช่น โลกเกิดมาได้อย่างไร
5.วิสัยของผู้ปฏิบัติธรรม เช่น ลักษณะที่สงบเป็นอย่างไร สงบจริงหรือไม่

95


คำอธิษฐานแห่งองค์ หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ

"ผู้ใดที่เคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลาน สร้างบุญกุศลมากับข้ามา แม้ในชาตินี้ไม่ได้พบสังขารธรรมของข้า แต่พอพบเห็นหลักธรรมคำสั่งสอนของข้า แล้วเกิดศรัทธา คนผู้นั้นแหละเคยสร้างบุญสร้างกุศลมากับข้า เคยเป็นศิษย์เป็นอาจารย์เป็นลูกเป็นหลานของข้า ขอให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะภาวนาไตรสรณคมณ์ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว รีบพากันปฏิบัติเพื่อจะได้ไว้เป็นที่พึ่งในภายหน้า ข้าจะคอยช่วย.. ศรัทธาข้าจริงนับถือข้าจริง แกคิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก แกไม่คิดถึงข้า ข้าก็คิดถึงแก ข้าอยู่ใกล้ๆ แกจำไว้"

96
อภิญญาปฎิบัติ / คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 08:58:18 PM »


คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก

(นะโม ๓ จบ)

"นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"

(สวด ๓ จบ)

การบูชาหลวงปู่ทวด

ให้บูชาท่านด้วย ธูปแขก ๙ ดอก มะลิขาว ๙ ดอก ตั้งนะโม ๓ จบ หรือจะบูชาท่านในกรณีที่ไม่มีเครื่องบูชาได้ด้วยการระลึกถึงท่าน และสวดพระคาถาเช่นกัน เพราะสำคัญที่ใจ มีจิตบูชาท่าน สำคัญที่สุด โดยมีไตรสรณคม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะสูงสุด

การใช้คาถาบทนี้ คือ ให้สวดภาวนาพระคาถา ก่อนขึ้นรถ ลงเรือ ติดต่อค้าขาย จักเกิดสิริมงคล โชคลาภมากมาย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ท่านว่าให้หมั่นสวด เจริญภาวนา พระคาถา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดนี้เถิด จักบังเกิดสิ่งอัศจรรย์แก่ตนเองและครอบครัว ขณะเดียวกันยังมีคติความเชื่อด้วยว่าพุทธคุณคาถานั้น หากท่องเป็นประจำจะคุ้มครองให้เราแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เช่นเดียวกับการแขวนพระหลวงปู่ทวด

นอกจากนี้แล้ว เพื่อเพิ่มความเข้มขลังของคาถาหลวงปู่ทวด ยังมีการเพิ่มคาถาหัวใจพระเจ้า ๕ พระองค์ไว้ด้านหน้าและด้านหลัง กลายเป็น “คาถาหลวงปู่ทวดเปิดโลก” คือ

“นะ เปิด โม เปิด พุท เปิด ธา เปิด ยะ เปิดโลกด้วย
นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา ยะธาพุทโมนะ”

ทั้งนี้ในส่วนของคาถาบทหลังนั้น เป็นการท่องคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์แบบถอยหลังที่ว่า “ยะ ธา พุท โม นะ”

คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือ คาถาแม่ธาตุใหญ่ ที่ว่า “นะ โม พุท ธา ยะ” ซึ่งมีพุทธคุณเหนือยันต์ทั้งปวง รวมทั้งความเชื่อสืบต่อกันว่า “ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล” หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย”

97
อภิญญาปฎิบัติ / "อจินไตย"
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 08:57:32 PM »


อำนาจบุญหลวงปู่ดู่

วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังสนทนากับลูกศิษย์ มีญาติโยมบ้านอยู่ที่อำเภอนครหลวง เข้ามากราบนมัสการพร้อมกับขอร้องหลวงปู่ให้ช่วยเหลือลูกสาวซึ่งถูกผีเข้าเป็นเวลาถึง ๓ ปี ผีที่เข้าบอกว่า โดนยิงตายที่หลังวัดข้างบ้านเจอผู้หญิงเกิดชอบใจ ต้องการได้ไว้เป็นภรรยา บางเวลาผีก็เข้า บางเวลาผีก็ออก ทำให้เกิดความกลัดกลุ้มมาก ถึงกับบางครั้งแกแทบจะยิงผี ซึ่งผีบอกว่า ยิงก็โดนลูกสาวแกเอง หลวงปู่ฟังเสร็จจึงพยักหน้ามาที่ลูกศิษย์แล้วบอกว่า

หลวงปู่ “แกช่วยเขาทีเอาบุญ”

โยม “ต้องเอาตัวคนไข้มาหรือไม่ครับ”

หลวงปู่ “ไม่ต้อง” หลังจากนั้นหลวงปู่ตั้งจิตแล้วพูดว่า

“เรียกตัวผีมารับบุญหลวงปู่ทวด มารับบุญข้าให้โมทนาซะ จะได้ไปดี เป็นผีก็ไปเอาเมียผี ไม่ใช่มาเอาเมียคน รับบุญไปจะได้มีเมียนางฟ้าเยอะแยะ ดูด้วยว่าผีรับหรือยัง...รับแล้วใช่ไหม....ไปเกิดซะ เอาละหมดเรื่องแล้ว”

ลูกศิษย์จึงบอกโยมคนนั้นว่า “ตอนที่เขาไปเกิดแล้วนี่เป็นเหตุ ลุงกลับบ้านลองไปดู ถ้าลูกสาวไม่เป็นไรแสดงว่าหาย”

โยมคนนั้นจึงกลับไปพร้อมกับความสงสัยจนกระทั่งผ่านไปเกือบเดือน แกได้กลับมาที่วัดอีกครั้ง พร้อมรายงานว่า “หายดีแล้วครับ ตั้งแต่วันนั้นไม่มีอาการเกิดขึ้นอีกเลย เพราะหลวงปู่เมตตาช่วยเหลือไว้”

("อจินไตย" คือสิ่งไม่ควรคิดเพราะไม่สามารถนำเหตุผลทางโลกหรือทางทฤษฎีมาทำให้เกิดความ กระจ่างได้ เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้เอง)

98


พระพุทธจักรพรรดิกินบ่เสี้ยง(ชื่อมงคลแปลว่า:มีกินมีใช้ไม่หมด) องค์ขนาดใหญ่ ประดิษฐานด้านหน้าพระประธาน ณ วิหารจักรพรรดิ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) เป็นประธานสร้าง.. ขอเชิญร่วมกันกราบพระและให้บุญนี้จงถึงแด่ทุกท่านทุกรูปนามทุกประการเทิอญ

"Ginbosiang Jakkavatti Buddha statue" enshrined at "Wat Putta Prompanyo (Wat Thum Muang Na)" Temple in muang na, Chiangdao district of the Province of Chiangmai, Thailand. "Ginbosiang" which is this Buddha Statue Title, has an auspicious meaning, because it could be translated to a similar phrase meaning "forever well being". By venerating this Buddha may you be forever well being. Watch an English subtitled documentary about our temple at http://youtu.be/hcC1XkapVrc

99
เนื้อหาจากกระทู้เว้บวัดถ้ำเมืองนะ

ดูเนื้อหาต้นฉบับทั้งหมดของกระทู้นี้จากเว็บวัดถ้ำเมืองนะได้ที่ http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:1fGmUHQeumMJ:www.watthummuangna.com/home/community/index.php%3Ftopic%3D3872.0+&cd=1&hl=en&ct=clnk&gl=th



วันดี ฤกษ์มงคล ใน วันที่ 4 มกราคม 2557 เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป
ขอเชิญญาติธรรมทั้งหลายร่วมหล่อพระจักรพรรดิกินบ่เสี้ยง จำนวน 3 องค์
หน้าตัก ขนาด 30 นิ้ว และร่วมเป็นส่วนหนึงในพิธีการถวายพระแก้วแดง
ทรงเครื่องประดับเพรชพลอยแท้ พร้อมร่วมกันทอดผ้าป่ามหากุศล..


รายละเอียดกำหนดการณ์งานหล่อพระจักรพรรดิกินบ่เสี้ยง 3 องค์
และถวายพระแก้วแดงพร้อมทอดผ้าป่า ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)



วันที่ 4 มกราคม 2557 เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป เป็นกำหนดการการจัดงานหล่อพระจักรพรรดิกินบ่เสี้ยง 3 องค์ หน้าตัก 30 นิ้ว และถวายพระแก้วแดงพร้อมทอดผ้าป่ามหากุศล
ท่านหลวงตาม้า (พระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร) เป็นประธานสงฆ์ในงานหล่อ ขอเชิญมาร่วมงานมหาบุญมหากุศลมาร่วมงานบุญกันและโมทนา ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)


ในวันงานคณะญาติธรรมผู้ศรัทธาได้จัดให้มีการถวายพระแก้วแดงทรงเครื่อง
เป็นหินแก้วแดงจากประเทศเยอรมัน พร้อมเครื่องทรงทองคำแท้
ประดับเพชรพลอยแท้ 100% เพื่อประดิษฐานไว้
ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
เป็นมรดกทางศาสนาสืบไป..


ในวันงานจะมีการทอดผ้าป่ามหากุศล โดยญาติธรรมทุกท่าน
สามารถมาร่วมบุญได้ในวันงานหล่อพระนี้ โดยการทอดผ้าป่านี้จะเป็นการทอดผ้าป่า
เพื่อร่วมบุญหล่อพระจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงที่หล่อทั้งสามองค์และการถวายพระแก้วแดงทรงเครื่องด้วย


เม็ดทับทิบจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงแท้เม็ดเล็ก

ทั้งนี้สำหรับเจ้าภาพกองละ 10,000 บาท 30 ท่าน จะได้รับเม็ดทับทิบจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงแท้เม็ดเล็ก
ที่หลวงตาท่าน จะมอบให้เป็นวาระพิเศษ เจ้าภาพมาเลือกและรับเม็ดทับทิบกินบ่เสี้ยงกับหลวงตาม้าได้ในวันงาน
ทับทิบจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงแท้เม็ดเล็กที่ผ่านพิธีอฐิษฐานจิตโดยหลวงตาม้าในวันงานชุดนี้ มีจำนวน 30 เม็ดเท่านั้น

ทับทิม กินบ่เสี้ยงแท้เม็ดเล็ก สีใส ขนาดเท่าหัวแหวน เป็นทับทิม "บ่อเก่า พม่า" แท้ทุกเม็ด ซึ่งหาได้ยาก
เมื่อเข้าพิธีอธิษฐาน แล้ว เม็ดทับทิม เม็ดเล็กๆนี้ จะกลายเป็น "เครื่องลาง มหาโชคลาภ" ทันที
มีเพียง 30 ท่านในประเทศ เท่านั้น ที่จะได้ไป..
(เม็ดทับทิบจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงแท้เม็ดเล็ก กรุณาสอบถามที่ แม่ชีหนูนา 081-731-5303)

เม็ดทับทิบจักรพรรดิกินบ่เสี้ยงแท้เม็ดใหญ่

และสำหรับเจ้าภาพกองละ 84,000 บาท 10 ท่าน จะได้รับเม็ดทับทิบกิบบ่เสี้ยงขนาดใหญ่พิเศษ
ที่ทางวัดจะนำไปแกะสลักเป็น พระจักรพรรดิ และหลวงปู่ดู่ รุ่นพิเศษ ให้ หลวงตาท่าน
จะมอบให้เป็นวาระพิเศษ โดยเจ้าภาพกองใหญ่นี้มาเลือกเม็ดทับทิบแท้กับหลวงตาม้าได้ในวันงาน
สำหรับเม็ดทับทิบกินบ่เสี้ยงเม็ดใหญ่นี้ที่ผ่านพิธีการอฐิษฐานจิตโดยหลวงตาม้า
ในวันงานมีจำนวน 10 เม็ดเท่านั้น เมื่อเลือกแล้วทางวัดจะนำไปแกะสลักและมอบให้ต่อไป

(สนใจเป็นเจ้าภาพผ้าป่า 84,000 บาท รับเม็ดทับทิบกินบ่เสี้ยงแท้ขนาดใหญ่พร้อมแกะสลัก
กรุณาสอบถามที่ แม่ชีหนูนา 081-731-5303)


พระของขวัญรุ่นพิเศษหลวงปู่ดู่ครอบแก้ว สร้างจากมวลสารว่านศักสิทธิ์
และผงธูปจากศาลหลักเมืองทุกจังหวัด..




ร่วมบูชาหลวงปู่ดู่ครอบแก้ว สำหรับเจ้าภาพผ้าป่ากองละ 300 บาท
(ช่วยค่าส่งกับทางวัด "1-4 องค์ 70 บาท" "5-15 องค์ ค่าส่ง 100")

สำหรับท่านใดที่ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพผ้าป่ากองละ 300 บาท ท่านจะได้รับแจกพระของขวัญเป็นหลวงปู่ดู่ครอบแก้ว 1 องค์
ซึ่งสร้างจากมวลสารว่านศักสิทธิ์หายาก และผงธูปจากศาลหลักเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
หลวงตาม้าท่านได้เมตตาอธิฐานจิตฝากกระแสให้ทุกองค์ จึงเป็นพระของขวัญที่ทรงคุณค่า
และหลวงปู่ดู่ครอบแก้วชุดนี้มีจำนวนแค่ 900 องค์เท่านั้น..


รายละเอียดการร่วมทำบุญ

ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพ การทอดผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้ ได้ที่
กองทุนพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) โดย เข้าบัญชีของกองทุน

................................................

ชื่อบัญชี : พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
ธนาคาร : ธนาคารกสิกรไทย สาขามูลเมือง จ.เชียงใหม่ ออมทรัพย์
หมายเลขบัญชี : 383-223925-8

ชื่อบัญชี : พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
ธนาคาร : ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา ตลาดแม่มาลัย
หมายเลขบัญชี : 458-063261-2

ชื่อบัญชี : พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
ธนาคาร : ธ.ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ สาขา แม่ริม
หมายเลขบัญชี : 853-210731-8

ท่านใดสะดวกโอนเข้าธนาคารกรุงเทพและไทยพาณิชย์ รบกวนแนบสลิปหรือส่ง SMS ด้วยนะคะ..สาธุ..

................................................

สำหรับญาติธรรมที่อยู่ต่างประเทศสามารถร่วมบุญเป็นเจ้าภาพได้ที่
................................................

Bank Name: KASIKORNBANK Public Company Limited (KBANK)
Address: 205/3-6 Moonmuang Rd., T.Sripoom, A.Muang, Chiangmai Thailand 50200
Tel: (66 2) 222-0000 Fax: (66 2) 470- 2749
Account No.: 383 223 9258
Account Holder: Warongkot Wiriyatharo
SWIFT CODE: KASITHBK

ถ้าต่างประเทศต้องการรับพระด้วย  สามารถสอบถามค่าส่งพระกลับได้ที่ 0817315303 นะคะ..
...

เมื่อโอนปัจจัยแล้ว สามารถ Scan สลิป หรือ ระบุ เป็นยอดเงิน/ วันที่/ เวลาที่โอนเงินเข้ามา ธนาคารที่โอน (รบกวนระบุให้ครบ)
เช่น ได้โอนเงิน 1,200 บาทเมื่อวันที่ 10/05/13 เวลา 10.20 น. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เพื่อทางวัดจะนำยอดไปเทียบว่าปัจจัย ได้โอนเข้ามาแล้ว)
(ถ้าท่านไหนโอนเข้าธนาคารกรุงเทพ หรือไทยพาณิชย์ ต้องรบกวนแนบสลิปให้กับทางวัดด้วย แต่ถ้าเป็นกสิกรไทย สามารถแจ้งแต่ตัวเลขและเวลาได้)


สามารถเลือกวิธีในการแจ้งข้อมูลการโอนและที่อยู่ในการจัดส่งพระผงพร้อมประคำได้ตามวิธีต่างๆข้างล่างนี้

วิธีที่ 1 สามารถแจ้งผ่าน ระบบ Email ได้ที่ อีเมล์แม่ชีหนูนา
amn_u_n_a@hotmail.com
วิธีที่ 2 ติดต่อผ่าน line หรือ Whats App ที่เบอร์ 0817315303 (ID line คือ nuna0817315303)
วิธีที่ 3 ทำการ Fax สลิปเพื่อยืนยันการโอนเงิน พร้อมระบุชื่อที่อยู่ ได้ที่ 053-455536
วิธีที่ 4 Facebook ส่งรายละเอียดผ่านกล่องข้อความ ที่ kunjana benchasiriwan

เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งในการแจ้งสลิป และที่อยู่ให้กับทางวัด เพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งวัตถุมงคลทางวัดสะดวกส่งพัสดุ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง วันที่จะทำการจัดส่ง คือ "วันพุธ" ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

1. แม่ชีเช่ 087-003-4884
2. แม่ชีหนูนา 081-731-5303

เวลาสะดวกที่ติดต่อได้ คือ 7:15 น. - 12:30 น. และ 16:15 น. - 17:50 น.
นอกเวลาที่ระบุไว้ รบกวนว่าอย่าโทรไป  เพราะว่าเป็นเวลาที่วัดถ้ำเมืองนะสวดมนต์


คำเตือน

(สำหรับการทอดผ้าป่าหล่อพระจักรพรรดิกินบ่เสี้ยง 3 องค์ และถวายพระแก้วแดงในครั้งนี้ ทางหลวงตาม้า
แม่ชีเช่ แม่ชีหนูนา ได้ประกาศให้ไม่มีการแจกซองผ้าป่าเพื่อร่วมทำบุญแต่อย่างใด เพื่อป้องกันการแอบอ้าง
ร่วมทำบุญจากทางวัดถ้ำเมืองนะ เพื่อป้องกันการแอบอ้างร่วมทำบุญ การโอนปัจจัยร่วมบุญ
โอนเข้าบัญชีกองทุนพุทธพรหมปัญโญเท่านั้น)
ทีมงานจะทำการถ่ายทอดสดพิธีการหล่อ ในครั้งนี้ตั้งแต่ต้้นจนจบพิธี ไปทั่วโลกออกทางหน้าเว็บ www.watthummuangna.com/home

ท่านใดที่เดินทางมาร่วมบุญในวันงานไม่ได้แต่มีความประสงค์ต้องการที่จะ
ร่วมปัจจัยในครั้งนี้กับหลวงตาม้า สามารถทำบุญเข้ากองทุนพุทธพรหมปัญโญได้ที่

ชื่อบัญชี : พระวรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)
ธนาคาร : กสิกรไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขามูลเมือง จ.เชียงใหม่
หมายเลขบัญชี : 383 223 9258
ท่านสามารถรับชมสารคดีเกี่ยวกับวัดถ้ำเมืองนะได้ที่
http://youtu.be/Bh6HdoefqMI?hd=1

100
เนื้อหาในกระทู้นี้นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทาน และธรรมทาน..

คำนำ

http://www.84000.org/anakot/index.html

พระอนาคตวงศ์นี้ เป็นเรื่องกล่าวถึงประวัติย่อของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญพระบารมีในชาติหนึ่ง


ซึ่งปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ เกิดสำเร็จผล ทรงพระอภินิหาร ประกอบด้วยพระเดชามหานุภาพ
เป็นพุทธสมบัติที่จะมาอุบัติตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิบพระองค์ในโลก ณ อนาคตกาลภายหน้า นั้นคือ

- พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์หนึ่ง
- พระราม พระองค์หนึ่ง
- พระธรรมราช พระองค์หนึ่ง
- พระธรรมสามี พระองค์หนึ่ง
- พระนารท พระองค์หนึ่ง
- พระรังสีมุนีนาถ พระองค์หนึ่ง
- พระเทวเทพ พระองค์หนึ่ง
- พระนรสีหะ พระองค์หนึ่ง
- พระติสสะ พระองค์หนึ่ง
- พระสุมงคล พระองค์หนึ่ง

ซึ่งต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไป โดยลำดับกัปป์ นับตั้งแต่ภัทรกัปป์นี้เป็นต้นไป
พระพุทธเจ้าสิบพระองค์นี้ ทรงสร้างพระบารมีสิบทัศครบบริบูรณ์แล้ว จึงทรงพระคุณ มีอภินิหารต่างๆ ยิ่งหย่อนกว่ากัน ด้วยสามารถพระบารมีนั้นๆของพระองค์ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ตรัสไว้แก่พระสารีบุตร โดยพุทธภาษิตบรรยาย จัดเป็นพุทธประวัติกาลอนาคตเรื่องหนึ่งฯ

101


พระอดีตวงศ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาลอันยาวนานหาที่สุดไม่ได้

พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า จำนวนพระพุทธเจ้ามีมากมาย
กว่าจำนวนเม็ดทรายในมหาสมุทร

102


http://youtu.be/lI07J5fR-Sw

วัดถ้ำเมืองนะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
หลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร) วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)..

103


หลวงตาสอนศิษย์
เรื่อง ฆราวาสบรรลุธรรม

ศิษย์: หนูอยู่ในเพศฆราวาสและยังครองเรือนอยู่ หนูสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี หรือพระอรหันต์ ไปนิพพานได้หรือไม่ หนูสามารถแยกจิตแยกกายออกจากกันได้หรือไม่คะ

หลวงตา: ทุกคนก็ทำได้ฮะ ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระ จริงๆ แล้วฆราวาสมีมากกว่าพระ มีมากกว่านักบวชฮะ เวลาเค้าทำกรรมฐานเค้าจะไปบอกเรารึ มีหลายคนฮะ ...

ที่รู้จักกัน ยิ่งราชการเนี่ยะเค้ากลับมา เค้าฝึกคืนวันศุกร์คืนวันเสาร์คืนวันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์เค้าไปทำงาน อาทิตย์หน้าเค้าก็อยู่คืนวันศุกร์คืนวันเสาร์คืนวันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์ไปทำงาน ...

เดือนนึงมีกี่วันล่ะ ต้องบอกไอ้ที่จะไม่เกิดมันเด็กเลยท่านบอก เดือนนึงมันเท่าไหร่ อยู่ในห้องพระจะลงมาต่อเมื่อหิวกะเข้าห้องน้ำ กำลังเท่าไหร่ ...

ถามว่าฆราวาสกะพระนี่ใครมากกว่ากัน เวลาเค้าทำเค้าจะไปบอกเรารึ ... เค้าไม่บอก อย่างที่นี่ทุกคนเลยนะ ถ้าเอาจริงๆจังๆ ท่านบอกไม่เกิด ...

เพราะสมัยก่อนไปหาท่านเยอะกว่านี้ ทุกคนถามท่านว่าอย่างพวกผมเนี่ยะชาติเนี่ยะจะไม่เกิดได้มั้ยหลวงพ่อ ท่านมองหน้าทุกคนบอก พวกเอ็งเนี่ยะต่างกะมนุษย์ทั่วไป เพราะเอ็งเข้าวัด เอ็งไปดูคนข้างนอกวัดซิ มันเยอะกว่าคนในวัดมั้ย เอ็งฝักใฝ่ในวัดเนี่ยะ ยังไงเอ็งทำดีก็ไม่เกิด เอ็งอย่าหยุดทำก็ละกัน ไม่รุ้ทำให้มันตายอ่ะ ชัดเจนดีมั้ย

หลวงตา: คำว่ากรรมฐานคืองานของจิตโดยตรง มันไม่ยาก อย่าไปเชื่อว่ายากถ้ายากโอ้โหมันไม่ทำกันหรอก ...

เหมือนพอเราไปหาหลวงปู่ท่านบอก เอ้าเอ็งเอาพระไป เอาชีทไปอันนึง แล้วเอ็งว่าตามเนี่ยะ เอาพระมากำจิตอยู่ที่พระ เอ็งทำห้านาทีสิบนาทีก็พอละ แค่เนียะ ทำไปเรื่อยๆ ละกัน กำพระพอจิตมันไม่อยู่ก็ปล่อยไป พอเริ่มสบายก็ทำ มันไม่ได้ทำตลอดเวลาว่างก็ทำ นี่คือความเคยชิน ไม่ใช่กรรมฐานไปวัดแล้วค่อยทำนะ ท่านบอกไม่ใช่นะ ลืมตาก็ทำเลย สะดุ้งตื่นก็ทำเลยจนกว่าหลับ แล้วมันจะไปไหน ... ไม่ไปไหน

อารมณ์ก็จะเบาๆๆ สิ่งที่เราแบกไว้มันก็เริ่มเบา แบกไว้อะไรรู้ปะ ... ครอบครัว ญาติ ลูก ทรัพย์สมบัติ เริ่มเบาลงด้วยนะฮะ ... ถ้าจิตมันเบา บริเวณนี้มันจะเบา ตราบใดที่ยังทำอยู่อ่ะ ตามองเห็นก็ทำ หูได้ยินเสียงก็ทำ รู้สึกเมื่อไหร่ทำ มันค่อยๆ ไปค่อยๆมาค่อยๆ เจริญ ... เจริญทางธรรม


เรียบเรียงเนื้อหาต่างๆจากธรรมบรรยายของ
พระครูวินัยธร วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)

104


หลวงตาสอนศิษย์
เรื่อง สามแดนโลกธาตุ

ศิษย์: สามแดนโลกธาตุคืออะไร โลกโอปปาติกะคือวิญญาณใช่หรือไม่ เราไม่เคยเห็นวิญญาณมาก่อน เราจะจินตนาการยังไงครับ

หลวงตา: ฝึกให้เห็นซิ มันไม่ยากหรอก เอาง่ายๆ เลยอ่ะ ตรงไหนคนตายเยอะๆไปอยู่ดิ เหอะๆๆ มันก็จะเห็นอยู่ ถ้าไปนอนยิ่งแล้ว มันมีทั่วไปอ่ะในโลกเนี่ยะ ตามโรงแรมตามสถานที่ที่เราไปนอน เรามักจะสัมผัสโลกของวิญญาณ สัมผัสได้ง่ายๆ ไม่ยากหรอก ...

ไอ้สามแดนโลกธาตุเนี่ยะว่ากันจริงๆ ก็มนุษย์เนี่ยะคือตัวหลัก พอตายไปแล้วก็ไปตามดินแดนนั้นน่ะ ทำดีก็ขึ้นข้างบน ทำไม่ดีก็คือข้างล่าง แล้วก็เวียนว่ายตายเกิดมาใหม่ มาทำใหม่ในโลกนี่แหละ เวียนไปเวียนมาอย่างนั้น มันพิสูจน์ได้นะฮะ ...

ศาสนาพุทธนี่คือพุทธศาสตร์ พุทธะคือการเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน คิดตามสภาพของความเป็นจริง ศาสตร์คือการฝึก ฝึกให้รู้การเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายตามสภาพของความเป็นจริงนั่นแหละ มันก็มีในโลกทั้งสามนั่นแหละ ...

มนุษย์นี่อยู่ตรงกลาง มันก็มีทั้งบุญและบาปนะฮะ ที่อธิบายไปน่ะคนเสวยบุญ คือเป็นเทวดาหรือพรหม คนเกิดมาเสวยบาปคือนรก คือทุกข์นั่นแหละ ใจเป็นทุกข์ตลอดชีวิตก็มีเพราะโลกอยู่ตรงกลางๆ เวลาตายก็ไปตามนั้นแหละตามที่บันทึกไว้ ...

น่ากลัวนะโลกวิญญาณเนี่ยะ น่ากลัวกว่าโลกมนุษย์นะ ขอกับใครไม่ได้นะฮะ เพิ่มไม่ได้ด้วย อย่างนรกเนี่ยะ เราจะเอาบาปเราไปเพิ่มให้กับคนอื่นก็ไม่ได้อีกอ่ะ เพราะมันเป็นโลกของวิญญาณ โลกวิญญาณมันคือความรู้สึก เวลามันทุกข์ ... ทุกข์ที่ไหน ... ที่ใจใช่มะ ...

ถึงเราโดนตีหัวเนี่ยะ มันก็ตีที่ธาตุเรา แต่หัวมันไม่ทุกข์ด้วยนะ แต่ใจเราเนี่ยะทุกข์เพราะใจเราคุมหัวอยู่อ่ะ ควบคุมธาตุอยู่ นั่นน่ะคือทุกข์ ความเจ็บน่ะเวลาเราไปเสวยข้างล่างมันก็ทุกข์อย่างนั้นน่ะ เวลาเรามีความสุขมันก็เหมือนสวรรค์น่ะ สวรรค์กะพรหมมันก็สุขอ่ะ ...

แล้วทำไมเราอยู่ในโลก ทำไมเราไม่ทำใจให้เป็นสุขล่ะ ถ้าเราทำใจเป็นสุข ธาตุมันก็ปกติ อายุมันก็ยืน ถ้าจิตเราเป็นทุกข์เนี่ยะ รับรูปรสกลิ่นเสียง มันก็ทุกข์อ่ะ อายุมันก็สั้นอยู่แล้วฮะ เป็นธรรมดา มันเป็นธรรมชาติ ...

พิจารณาให้ดีเราเกิดในพุทธศาสนานะ ไม่ใช่สวดมนต์อย่างเดียว ต้องพิจารณาใคร่ครวญไตร่ตรอง อย่างที่หลวงตาอธิบายทุกวันตอนเนี่ยะ ความรู้สึกเนี่ยะ ความรู้สึกคือใจเรานะฮะ ดีไม่ดี สุขก็อยู่ที่ใจ นรกสวรรค์ก็อยู่ที่ใจเนี่ยะ ...


เรียบเรียงจากธรรมบรรยายของ
พระครูวินัยธร วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)

105


หลวงตาสอนศิษย์
เรื่อง ความคล่องตัวทางโลก

ศิษย์: ทำอย่างไรการเงินจึงจะไม่ติดขัดและมีการลื่นไหล มีคนอุปถัมถ์ค้ำชูครับ

หลวงตา: ก็สวดบทจักรพรรดิบ่อยๆ ไง สวดมนต์บ่อยๆ ฮะ จิตเราอยู่ในกระแสพุทธมนต์และก็อธิษฐาน ...

คือเวลาเราสวดเนี่ยะ จิตเราอยู่ที่พุทธมนต์ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นพลังงานที่อยู่ในโลก พอเราน้อมมาก็มีอาการมีความรู้สึก ถ้าเราสวดนานๆ จะมีความรู้สึกฮะ

โลกเรามีทุกอย่างอยู่ในโลกเนี่ยะ เป็นพลังงานที่ ... แม้แต่เราก็มีทั้งดี และไม่ดีอยู่ในโลก ทุกคนมีหมด แต่พลังงานของพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเนี่ยะ มันมีตั้งแต่อดีตปัจจุบันและอนาคต ...

องค์ไหนท่านไปแล้วก็ไป องค์ต่อๆ มาก็ไปเรื่อยๆ ภัทรกัปป์เนี่ยะมีห้าองค์ใช่มะ ไปแล้วสี่พร้อมกับพระอรหันต์อีกเยอะแยะไปหมดเลย และเหลืออีกหนึ่งพร้อมกับพวกอีกเยอะเลย เพราะนั้นบารมีท่านยังไม่รวม บารมีท่าน ทุกองค์อ่ะอยู่ในไตรสรณคมน์หมด อยู่ในจักรพรรดิหมด ไม่ไปไหน ...

เพราะนั้นเวลาเราสวดเนี่ยะ พลังงานมันมาที่เรา มันมีทุกอย่างเลยฮะ ถ้าว่ากันตามสภาพของความเป็นจริง ท่านให้พิจารณาตัวเราเองสิ่งที่เราเคยทำในอดีต พอเรานึกไปเนี่ยะ มันก็เกิดภาพ เกิดอาการ เกิดความรู้สึกทั้งดีและไม่ดี ...

ทุกวันเนี่ยะ เราไปไหนเนี่ยะ ทุกคนมีความรุ้สึกหมด เวลาตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสต้องมีความรู้สึก รู้สึกในเรื่องของกิเลสตัณหาอุปาทาน รู้สึกเรื่องของความโลภความโกรธความหลง รู้สึกความเพลิดเพลินใจ รู้สึกความเสียใจดีใจ รู้สึกฮะถ้าเรามองไปเนี่ยะชอบไม่ชอบนี่คือความรู้สึก ...

คือเราเสพทุกวันน่ะเราไม่พักเลย ทีนี้ท่านให้สวดมนต์เพราะอะไร เพราะหยุดไง หยุดคิดไง มันต้องสวดตลอดเวลา ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆ นี่นะ นี่คือกรรมฐาน คำว่ากรรมฐานคืองานของจิตฮะคือฝึกจิตฝึกให้รู้ง่ะ ...

กิเลสตัณหาทุกคนมีหมดแหละ พระอรหันต์หรือพระพุทธเจ้าท่านก็มี ... เมื่อก่อน มีเหมือนเรานี่แหละแต่ท่านรู้ไง ท่านรู้และก็หยุด ... ก็จบ รู้นะฮะ ไม่ใช่ตัดกิเลสตัณหาฮะ ท่านรู้ รู้นะฮะ รู้มันก็ไม่ยุ่งกะมัน เราอยู่ในโลกเราต้องเจออยู่แล้วฮะ โลกเราก็เจริญแล้วเสื่อมโดยปกติอยู่แล้ว ...

การจะศึกษาธรรมะไม่ได้ศึกษาที่ไหน อยู่ในโลกเนี่ยะ ท่านสอนชัดเจนมากเลย เราไปติดมันเองท่านบอก เราไปหาเรื่องเอง คำว่ากำลังคือกำลังใจ สวดมนต์ภาวนาสวดไปเรื่อยๆ จิตเราก็ห่างจากกิเลสตัณหาอุปาทานอยู่แล้วตอนที่เราสวด ...

เราสวดบ่อยๆ มันก็ห่างบ่อยๆ อ่ะ ท่านถึงให้สวดมนต์ภาวนาเพราะอย่างนี้แหละฮะ ไม่มีอะไรซับซ้อนฮะ ธรรมะ ตามสภาพของความเป็นจริง สิ่งที่เราตาเราเห็นน่ะ ถ้าพิจารณานะเห็นหมดเลย ...

ในยุคปัจจุบัน ท่านบอกดีมากเลยฮะ มนุษย์มีทุกระดับเลย มีตั้งแต่สุดๆ ต่ำๆ ถึงสูงสุดๆ สามารถมองได้พิจารณาได้ตามสภาพของความเป็นจริง การแก่การเจ็บการตาย แต่ถ้าเราสวดมนต์ภาวนา เราจะเริ่มสัมผัสโดยจิตสัมผัส ความรู้สึกในโลกของมิติในโลกของวิญญาณ ตาเห็นภาพจิตเห็นนาม ...

นามคือพลังงาน คือบุญกะบาป อย่างตาเรามองเห็นรูปพระหรือรูปหลวงปู่ดู่เนี่ยะ เราสวดมนต์ภาวนาบ่อยๆ นึกถึงพระบ่อยๆ เนี่ยะจิตเราเห็นนามคือความสว่าง แว้บๆ มันเป็นภาพซ้อนคือรูปและนามไง มันเป็นศาสตร์ที่ใครๆ ก็ฝึกได้ท่านบอก ...

เราก็ฝึกได้ มันเป็นพื้นฐานเข้าใจมะ ต้องศึกษาจากพื้นฐานไปก่อนนะ ไม่ใช่ไปเอายอดเลยนะฮะ ไม่ใช่ บางคนอธิษฐานเลยไม่เกิด แต่อารมณ์ยังเหมือนเดิมอยู่ ไปทำกรรมฐานทุกปีๆ ละหลายรอบ อารมณ์เหมือนเดิม ยังขี้บ่นยังด่าลูกหลานเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์นะ ท่านบอก ฮ่าๆ มันไม่ได้ปรับเลย ...

จริงๆ กรรมฐานนี่ ถ้าเราฝึกจริงๆ เพลินฮะ เพลินมาก ถ้าเราสวดภาวนาไปเรื่อยๆ นะฮะ ถ้าไม่ขี้เกียจนะเพลิน ทำได้ตลอดเวลายืนเดินนั่งนอน เตรียมตัวตายฮะ เตรียมตัวที่จะต้อง เผชิญกับโลก โลกมันกลม เกิดภัยธรรมชาติ ภัยจากมนุษย์ด้วยกัน เกิดจากโรค มันต้องฝึกไว้ มันเป็นสภาพของความเป็นจริงท่านบอก ...

สิ่งที่ดีนะฮะกับสิ่งไม่ดีอ่ะ มันอยู่ด้วยกันก็จริง เหมือนเรานึกถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดีมันก็จะไม่มา มันคนละพลังงาน ถึงดีกะไม่ดีอยู่กะเรานะ แล้วก็อยู่ในโลกเนียะ ถ้าเราคิดดี สิ่งที่ไม่ดีมันไม่มา ทีนี้เราสวดมนต์เนี่ยะ มันเป็นพลังงานที่ดี ถามว่าถ้ามีภัยธรรมชาติ เวลาเกิดเหตุการณ์อะไรเนียะเวลาเราสวดมนต์ ถามว่าสิ่งที่ไม่ดีมันจะมามั้ย ... ไม่มาๆ มันมาไม่ได้ฮะ มันเบนไปที่อื่น เบนไปในสถานที่ๆ ไม่ดี พลังงานเหมือนกันในโลกเนี่ยะดูดเข้าหากันอยู่แล้วฮะ นี่คือธรรมะจริงๆ ...

คนอารมณ์ไม่ดีอายุสั้นนะยังไงก็สั้น คนอารมณ์ดีอายุยืนฮะ แหะๆๆ นี่คือเรื่องจริงฮะ เราจะไปแก้ไขคนอื่นไม่ได้ท่านบอก เราต้องแก้ไขตัวเอง สวดมนต์ดีที่สุด


เรียบเรียงจากธรรมบรรยายของ
พระครูวินัยธร วรงคต วิริยะธโร (หลวงตาม้า)

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 16