เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - DHAMMASAMEE

หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15
196
... พ่อขุนไทยแก้วฟ้า ก็เป็นพวกเดียวกัน ทั้งเป็นเพื่อนเกลอของพระเจ้าธรรมเสนราชา

... ด้วยเราได้มาในฐานะศักดิ์มนุษย์ ได้กระทำหน้าที่มนุษย์สำเร็จแล้ว จึงหมดหน้าที่

... ทั้งเป็นอมนุษย์ด้วย จึงไม่สมควรทุกประการ

... ฉะนี้ จึงขอมอบราชสมบัติ พร้อมกับพระนางเทวีแก่พระองค์ท่าน

... ได้โปรดอนุเคราะห์ปกครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
     
... เราอมนุษย์เทพทั้ง ๒ พร้อมด้วยทวยเทพท้าวมนุษย์ทั้งหลาย

... ร่วมกันกระทำทั้งอินทราภิเษกและราชาภิเษกสถาปนา พระองค์ท่านเป็น นพรัตนธรรมราชา กับลัมภุสสราชเทวี

... ก็พระราชเทวีนี้ ณ กาลครั้งที่เป็น มหาปนาทบรมจักรพรรดินั้น พระนางก็เป็นนางสนองพระโอษฐ์ของท่าน

...  จึงให้ครองทั้ง ๒ อาณาจักร กับทั้งพระนางใคร่มีพระราชโอรสธิดาสืบสกุล

... ก็พระราชโอรส ธิดาทั้ง ๒ ซึ่งเป็นภักษาหารยักษ์ไปแล้ว ก็เป็นอันพ้นพันธกรณี จึงยังรอคอยกาลเวลาจะมาเกิดใหม่ได้
     
... ท่านจงกระทำปรามาส(ลูบคลำพระนาภี) ซึ่งพวกเรากระทำได้ตามธรรมนิยมของนิยตโพธิสัตว์

... จงกระทำปรามาส เพื่อเป็นโอกาสจะได้เกิดเป็นคู่แฝดชายหญิง

... สพฺพโสตฺถี ภวนฺตุ เต ให้สำเร็จผลสมประสงค์จงทุกประการ

197
... ในปลายมัชฌิมโพธิกาลนั้น

... ครั้งนั้น พระโกณฑัญญะเถรมหาขีณาสพ พระสาวกของพระโกนาคมน์พุทธองค์นั้น

... ได้ไปปรินิพพาน ณ ลานบริเวณสระฉัตรทันต์นั้น

... เราได้สละงาทั้งคู่ อธิษฐานขอให้มีเลื่อยทิพยนต์ ทำงาข้างหนึ่งเป็นโกศบรรจุพระสรีระศพ

... อีกข้างทำเป็นนกยูงเป็นเชิงรองตั้งโกศ

... เอาผมขน ณ ศีรษะทำเป็นไส้ประทีปเทียน ตามถวายสักการะบูชา
     
... กุญชรชาติฉัตทันต์บริวาร ๘๔,๐๐๐ ประชุมกันแล้ว

... ใช้งวงประคอง วางลงบนกระพอง ยังเพลิงให้ลุกขึ้นเผาไหม้อยู่

... นกยูงเชิงรองตั้งโกศนั้น ดุจมีวิญญาณ ได้โผผินบินไปในอากาศ ให้เพลิงไหม้หมดสิ้น

... แต่อัฐิธาตุทั้งหลาย ได้ตกเรี่ยรายบนแผ่นดิน

... ทวยเทพได้ตกแต่งเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้แล้ว

... ในกาลประชุมเพลิงศพพระอรหันต์ ครั้งนั้นเราได้กระทำความปรารถนาว่า
     
... " ด้วยเดชผลนี้ จงเป็นปัจจัยแก่พระสัพพัญญูสรรเพชรดาญาณเถิด "
     
... ก็เมื่อถึงกาล จึงจุติได้เคลื่อนขึ้นไปเกิดเป็นเทพเจ้าศักดิ์ใหญ่ ณ ดุสิตสวรรค์

... แล้วได้คอยอยู่จนถึงกาลนี้ ก็ได้เห็นธรรมเสนได้สละลูกชายหญิงให้เป็นภักษาหารแก่ยักษ์

... แล้วจึงได้มาคอยรอรับสละพระมเหสีและราชสมบัติ

... ให้สำเร็จผล บำเพ็ญปรมัตถทานบารมียอดสูงสุดนั้น

... ให้บริบูรณ์ และก็ได้สำเร็จสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว

198
     ... " เรานี้ เมื่อก่อนกาลที่พระโกนาคมน์จะอุบัติขึ้น

... ได้เกิดเป็นพระยาช้างใหญ่ ตระกูลฉัททันต์

... ได้เป็นราชาเจ้าโขลง ปกครองช้างตระกูลเดียวกันประมาณ ๘๔,๐๐๐ เชือก 

... ณ บริเวณสระฉัททันต์นั้น ซึ่งได้ปกครองให้อยู่เป็นสุขตลอดกาลนาน

... จวบถึงกาลที่สมเด็จพระโกนาคมน์พุทธเจ้าอุบัติ

... ทรงครองเรือนอยู่ ๓,๐๐๐ ปี

... ได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และได้ตรัสรู้เป็นพระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธองค์แล้ว

... ได้ล่วงมาถึงมัชฌิมโพธิกาล
   
... ในกาลนั้น ธรรมเสนราชานี้ ได้ไปบวชเป็นดาบสในสำนักดาบส ในป่าหิมพานต์

... ยังได้พบเห็นกัน แต่พูดกันด้วยปากไม่ได้ เพราะต่างชาติกำเนิดกัน

... กระนั้นก็พอรู้กันได้โดยเจโตปริยญาณ

199
... ก็มีข่าวถึงกันอยู่เสมอ กระทั่งกาลที่ถึงกำหนดแก่กล้า

... พระเจ้าธรรมเสนราชา สละพระลูกทั้ง ๒ สละพระราชเทวี สละราชสมบัติ

... ตลอดกระทั่งสละพระเศียรเกล้า และพระสรีระกายทั้งชีวิตเป็นพุทธบูชานั้น ซึ่งเป็นวาระกาลยอดสุดแล้ว พระดาบสได้ดับชีพไปแล้ว

... แต่พระราชอาณาจักรและพระมเหสียังอยู่เป็นปกติ

... พระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า ได้ทรงทราบข่าวและก็ได้อนุโมทนาสาธุการแล้ว

... และรีบด่วนเสด็จไปเยี่ยมเยียน และประสงค์จะดูแลและทรงอุปถัมภ์มเหสีเพื่อนเกลอนั้น
     
... ครั้นเสด็จถึง พระนางทรงพาบุรุษแก่เสด็จด้วยออกต้อนรับ และตรัสเล่าให้ฟังว่า

... " พระราชสวามีทรงยกพระนางให้และทรงกระทำพิธีราชาภิเษกบุรุษเฒ่านี้เป็นพระราชาองค์ใหม่ "

... พระมหาฉัตตธรรมราชาหรือบุรุษเฒ่านั้น

... ครั้นได้พบและได้ฟังพระนางลัมภุสสราชเทวีตรัสเล่าแล้ว

... จึงได้เปลี่ยนเพศเป็นเทพเจ้าผู้มีศักดิ์ใหญ่ ได้ทรงลอยขึ้นสู่เวหาสแล้วได้ประกาศกล่าวว่า

200
... และในกาลนั้น ราชอาณาจักรจัมปากรัฐติดต่อกับชมพูทวีป ในทางตะวันออกก็ติดต่อ และมีสัมพันธไมตรีชั้นเพื่อนเกลอกับราชอาณาจักรแถนไทย

... ณ รัชสมัยพระเจ้าธรรมราชาธิราชเจ้า ก็ทรงมีมิตรธรรมกับพระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า ระดับเพื่อนเกลอ

... ในกาลที่สมเด็จพระโกนาคมน์บรมครูตรัสรู้แล้ว ก็ได้ฟังธรรม

... แม้พระพุทธองค์และพระอรหันตสาวกก็เสด็จและมาโปรดเสมอ

... เพราะพระพุทธองค์และพระอรหันต์ก็ทรงทราบว่า

... " พระเจ้าธรรมเสนราชาและพระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า

... ต่างได้ปรารถนาพระโพธิญาณ และทรงบำเพ็ญบารมีมาช้านานใกล้เต็มแล้ว

... จึงมาโปรดเพื่อส่งเสริมเพิ่มให้เต็มตลอดไป "

201
... ในกาลนั้น พระอริยสาวกองค์หนึ่งของพระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธองค์ ได้เข้าพักอยู่สุขสำราญในป่าหิมพานต์นั้น

... พระฤาษีทั้งหลายได้พบเห็นพระอรหันต์แล้วก็มีความเชื่อและเลื่อมใส ได้เข้าไปกราบสักการบูชาพระอริยสาวกนั้น นิมนต์ให้ยับยั้งอยู่ ๑ ราตรี

... ครั้น รุ่งขึ้นเวลาเช้า พระอริยสาวกองค์อรหันต์ ก็ได้พาพระดาบสธรรมเสนเหาะเข้าไปในสำนักพระมหาวิหาร และเข้าเฝ้าพระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธองค์นั้น
     
... พระดาบสธรรมเสนได้เข้าไปกราบนมัสการแทบพระบาทมูลพระสัพพัญญูเจ้า

... ได้พิจารณาดูพระทวัตติงสมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ชัดเจนแล้ว ก็ได้เกิดปีติโสมนัสขึ้น

... จึงได้ทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้แสดงพระสัทธรรมเทศนา

... สมเด็จพระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธองค์ ทรงพระกรุณาตรัสว่า
     
... " ดาบสธรรมเสนผู้เจริญ บัดนี้ตัวท่านสมควรจะพิจารณาซึ่งกิริยาที่จะให้ไปถึงเมืองแก้ว

... คือ พระอมตมหานครนิพพาน จึงจะชอบแก่ตัวท่านด้วยตัวเองเถิด "
     
... พระดาบสบรมโพธิสัตว์ได้สดับพระพุทธฎีกาเป็นนัยเช่นนั้น ก็บังเกิดความเชื่อเลื่อมใสขั้นสัทธาปสาทะเต็มเปี่ยมแล้ว

... ก็ได้อธิษฐานเล็บของพระองค์ให้คมดุจดาบ ได้ใช้ตัดเศียรเกล้าให้ขาดแล้ว

... ใช้พระหัตถ์ทั้งสองรับประคองยกขึ้นกระทำสักการะบูชาสมเด็จพระพุทธองค์ และได้กล่าวตั้งความปรารถนาว่า
     
... " พระองค์สมเด็จพระโกนาคมน์

ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ

ถึงเมืองนิพพานก่อนแล้ว

ข้าพระองค์ก็ปรารถนาสำเร็จ

เป็นพระศรีสรรเพชญ์สัมพุทธองค์พระองค์หนึ่ง
     
อนึ่งพระองค์ได้เสด็จไปสู่เมืองแก้วก่อน

ข้าพระองค์ ขอสำเร็จพระนิพพานในเบื้องหน้า "
     
... ภายหลังได้กล่าวคาถาเป็นใจความ ๒ ข้อดังนี้แล้ว

... พระบรมโพธิสัตว์ธรรมเสนดาบสนั้นก็จุติเคลื่อนไปอุบัติ ณ ดุสิตสวรรค์
     
... แล้วส่วนพระเศียรเกล้า พระสรีระกายนั้นก็ลุกเป็นเพลิง เสมือนเทียนประทีปบูชา

... มีกลิ่นหอมเป็นสุคนธ์ทิพบูชา ลุกเป็นประทีปต้นเฉพาะ ไม่ลุกลามไหม้ไปที่อื่น

... ด้วยพระพุทธานุภาพ และด้วยอำนาจอธิษฐานบารมี กระทั่งหมดสิ้น


202
... แล้วก็ทรงพระอธิษฐานว่า

... " ดูก่อนอัฐบริขารทั้ง ๘ ประการ เชิญมายังสำนักแห่งเราในกาลบัดนี้ "

... ในขณะนั้นอันว่าเครื่องบริขารบรรพชิตทั้ง ๘ ประการ ก็เลื่อนลอยมาตกลงตรงพระพักตร์ดุจดังว่ามีจิตวิญญาณ

... พระบรมโพธิสัตว์ก็ทรงเพศบรรพชาเป็นดาบส เจริญบริกรรมภาวนา ยังอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ให้บังเกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อนแล้ว

... ก็เหาะไปในอากาศลงยังป่าพระหิมพานต์ เข้าไปสู่สำนักแห่งหมู่พระฤาษีทั้งหลาย

203
... ครั้นบุรุษแก่ได้รับพระราชทานพระราชมเหสีแล้ว จึงมีวาจาปราศรัยกับพระนางว่า

... " ดูก่อนเจ้าผู้เจริญ ตัวของเรานี้เป็นคนแก่เฒ่า อนึ่งเล่าทรัพย์สมบัติทั้งปวงก็ไม่มี ดังฤาเจ้าจะอยู่ด้วยพี่ได้ "

ครั้นพระเจ้าธรรมเสนได้ทรงฟังบุรุษแก่กล่าววาจากับด้วยพระนางดังนั้น จึงทรงคิดว่า

... " เราจะยกราชสมบัติให้กับบุรุษแก่เสีย แล้วจะออกทรงบรรพชาเป็นดาบสเห็นว่าจะประเสริฐ "

... ดำริดังนี้แล้ว

... จึงให้หาตัวบุรุษผู้นั้นมา ทรงยกพระราชสมบัติให้ กระทำพระราชพิธีราชาภิเษก สถาปนาพระนามชื่อว่า พระเจ้ามหาฉัตตธรรมราชา ให้ปกครองสืบต่อไป

... แล้วก็ร้องประกาศตั้งความปรารถนาให้ได้สำเร็จแก่พระสัพพัญญุตญาณดุจในหนหลัง อัศจรรย์ก็บังเกิดเหมือนแต่ก่อน

204
... ในกาลเมื่อเสด็จถึงประตูเมือง พระองค์ทอดพระเนตรบุรุษแก่คนหนึ่งนั่งเป็นทุกข์อยู่ในที่นั้น จึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า

... " เหตุไฉน ท่านจึงมานั่งเป็นทุกข์อยู่ในที่นี้ "

... บุรุษนั้นจึงกราบทูลว่า

... " ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ จำเดิมแต่เกล้ากระหม่อมเกิดมา จนอายุถึงเพียงนี้แล้ว บุตร ภรรยา ก็หามีไม่ ข้าพระบาทจึงมานั่งเศร้าโศกอยู่ในที่นี้ "

...  พระองค์ได้สดับฟังบุรุษแก่กราบทูลดังนั้น จึงตรัสว่า

... " เราจะยกพระราชมเหสีให้เป็นทานบารมีอันยิ่งแก่ท่าน "

... ตรัสแล้วก็จับเอาข้อพระหัตถ์พระราชมเหสีลงจากยานุมาศ พาพระนางเข้าไปให้ใกล้บุรุษแก่นั้นแล้วตรัสว่า

... " ท่านจงมารับเอาองค์พระราชมเหสีของเราไปโดยเร็วเถิด เรายกให้เป็นทานแก่ท่านบัดนี้ "

... แล้วก็หลั่งอุทกวารีให้ตกลงเหนือมือบุรุษแก่ แล้วก็ประกาศด้วยวาจาปรารถนาว่า

... " เดชะผลทานที่เราได้ยกนางลัมภุสสราชเทวีอัครมเหสีให้แก่ท่านครั้งนี้

ขอให้เป็นปัจจัยแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณเถิด "

... ในกาลครั้งนั้น อัศจรรย์ก็บังเกิดมีแผ่นดินไหวเป็นอาทิ ดุจสำแดงมาแล้วแต่หนหลัง

205
... ครั้งนั้น ยังมียักษ์ตนหนึ่งได้ทัศนาการเห็นพระกุมาร และกุมารีทั้งสองพระองค์ ก็มีความปรารถนาเพื่อจะกินเป็นภักษาหาร บ่มิอาจอดกลั้นความอยากอยู่ได้

... จึงเดินมาสำแดงกายให้ปรากฏเฉพาะหน้าแห่งพระเจ้าธรรมเสนบรมกษัตริย์ แล้วก็ร้องขอด้วยคำว่า

... " ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ข้าพเจ้ามาบัดนี้มีความปรารถนาจะขอรับพระราชทาน พระกุมารและพระกุมารี ทั้ง ๒ ของพระองค์

... พระองค์จงทรงพระกรุณาข้าพเจ้า โปรดเกล้าพระราชทานกุมารและกุมารี ให้แก่ข้าพเจ้ากินเป็นภักษาหารในกาลบัดนี้เถิด "

... เมื่อพระเจ้าธรรมเสนบรมโพธิสัตว์ ได้ทรงฟังยักษ์ทูลขอพระลูกรักทั้ง ๒ ดังนั้น ก็เกิดความกรุณาจิตขึ้นมา จึงตรัสว่า

... " ดูก่อนยักษ์ผู้เจริญ ท่านกล่าวถ้อยคำดังนี้เพราะนักหนา เป็นสุนทรวาจาอันยิ่ง "

... ตรัสแล้วก็เสด็จอุฏฐาการ จูงเอาข้อพระหัตถ์กุมารและกุมารีทั้ง ๒ องค์มาส่งให้แก่ยักษ์ แล้วตรัสว่า

... " เชิญท่านมารับเอาปิยบุตรทานของเรา "

... แล้วก็จับเอาพระเต้าทอง มาหล่อหลั่งอุทกวารีลงเหนือมือยักษ์ จึงตรัสว่า

... " ราชกุมารและราชกุมารีทั้ง ๒ องค์นี้

ใช่เราจะไม่มีความเสน่หาอาลัยหามิได้

แต่เรามีความรักพระสัพพัญญุตญาณนั้น

ยิ่งกว่ากุมารทั้ง ๒ ได้ร้อยเท่าพันทวี

ด้วยเดชะผลทานของเราที่สละกุมารทั้ง ๒ องค์

ให้เป็นทานแก่ท่านบัดนี้

ขอให้บังเกิดมีผลเป็นที่สุดถึงพระสัพพัญญูสรรเพชุดาญาณ

ในอนาคตกาลเบื้องหน้า "

... พระองค์ประกาศแก่ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายแล้ว มหัศจรรย์ก็บังเกิดมีต่างๆ นานา เป็นต้นว่าแผ่นดินไหวทั่วโลกธาตุ

... ครั้นว่ายักษ์ได้รับพระราชทานแล้ว ก็กินกุมารทั้ง ๒ องค์เป็นอาหาร แล้วก็เข้าสู่อรัญญราวป่า

... ฝ่ายพระเจ้าธรรมเสนบรมกษัตริย์กับพระราชมเหสี ก็เสด็จกลับเข้าพระนคร

206
... ครั้งนั้นพระบรมโพธิสัตว์ธรรมเสนก็เปลื้องเครื่องบริขารบรรพชิตออกเสียจากสรีรกาย ทรงเพศเป็นคฤหัสถ์ แล้วก็กล่าวประกาศถ้อยคำเป็นอธิษฐานว่า

... " ดูก่อนอัฐบริขารผู้เจริญเอ๋ย ท่านจงไปยังสำนักพระดาบสทั้งหลายเถิด "

... ในขณะขาดคำอธิษฐานแห่งพระบรมโพธิสัตว์เจ้าครั้งนั้น เครื่องบริขารทั้ง ๘ ก็ปลิวลอยไปในอากาศเวหา ลงยังสำนักแห่งพระดาบสทั้งหลาย

... ส่วนสมเด็จพระธรรมราชาธิราชผู้เป็นพระบิดา ก็ให้ตีกลองร้องป่าวชาวพระนคร ให้มหาชนทั้งหลายสันนิบาตประชุมพร้อมกันแล้ว จึงกระทำอภิเษกสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ผู้เป็นพระราชโอรส กับด้วยนางลัมภุสสราชเทวี เป็นอัครมเหสีครอบครองกรุงจำปากมหานครเป็นสุขสำราญมา

... ล่วงกาลช้านาน พระราชเทวีอัครมเหสีทรงพระครรภ์ ถ้วนทศมาสแล้วก็คลอดพระราชบุตร พระนามว่า ธรรมสารกุมาร

... เมื่อพระราชบุตรบทจรยกย่างได้ถนัดแล้ว นางก็ทรงครรภ์อีก ประสูติพระราชธิดา พระนามว่า สาริณีกุมารี
   
... ลำดับนั้น พระเจ้าธรรมเสนผู้เป็นบรมกษัตริย์แสวงหาพระโพธิญาณ เสด็จด้วยพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชมเหสี ไปประพาสนอกพระนคร เพื่อจะลงสรงสาครเล่นน้ำให้สุขสำราญ กับด้วยราชบริวารสาวสนมกรมในทั้งปวง และหมู่มุขมนตรีทั้งหลายก็ลงเล่นน้ำสำราญใจ

207
... ยังเหลืออยู่แต่เจ้าธรรมเสนกุมารผู้เป็นพี่ชาย อาศัยอยู่ในเมืองนั้น

... ยังมีพระฤๅษีทั้งหลายประมาณ ๘๐,๐๐๐ องค์ มาแต่ป่าหิมพานต์ เหาะมาโดยอากาศเวหาลงในเมืองนั้น แล้วก็เข้าไปโคจรบิณฑบาตในท่ามกลางเมือง

... เจ้าธรรมเสนกุมารทัศนาเห็นพระดาบสทั้งหลายเดินตามกันมาเป็นอันมาก จึงคิดว่า

... " เรารู้วิชาการศิลปศาสตร์มาแต่สำนักตักศิลา ก็เรียนมามากอยู่แล้วยังไม่เหาะไปในอากาศได้

... พระดาบสทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแต่เหาะได้ด้วยกันสิ้นทุกองค์ จะเป็นเหตุดังฤาหนอ

... จำจะเข้าไปไต่ถามพระดาบสดูสักหน่อย "

... คิดแล้วเจ้าธรรมเสนก็เข้าไปหาพระดาบสทั้งหลายถามว่า

... " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้านี้เหาะได้ด้วยเหตุดังฤา "

... พระดาบสทั้งหลายจึงตอบว่า

... " ดูก่อนมาณพพระฤาษีทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมไปอาศัยอยู่ในมหาวันต์ราวป่าใหญ่

... แล้วได้ซึ่งวิชาการเหาะได้ในอากาศ เหตุดังนั้นเราจึงได้มาถึงเมืองนี้ "

... เจ้าธรรมเสนกุมารจึงว่า

... " ข้าพเจ้าก็มีศิลปะศาสตร์เชี่ยวชาญชำนาญอยู่ ในเมืองจำปากนครหาผู้จะเสมอมิได้ เหตุไรข้าพเจ้าจึงมิอาจเหาะไปได้

... ถ้าข้าพเจ้ารู้วิชชาศิลปะศาสตร์เหาะได้ด้วยอุบายของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะขอเป็นทาสของพระผู้เป็นเจ้า

... ขอพระผู้เป็นเจ้า จงได้กรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด "

... พระดาบสได้ฟังพระราชกุมารว่าดังนั้น ก็มีความเอ็นดูกรุณา แล้วจึงแสดงอิทธิฤทธิ์พากุมารธรรมเสนนั้น เหาะไปยังป่าหิมพานต์

... ให้ธรรมเสนราชกุมารบวชเป็นดาบส แล้วก็สอนให้กระทำสมถะบริกรรมภาวนาเจริญฌานในกสินทั้ง ๑๐ กอง

... ยังอภิญญาสมาบัติให้บังเกิดบริบูรณ์ ได้ซึ่งตาทิพย์ รู้จิตผู้อื่น ระลึกชาติหนหลังได้ ทรงอิทธิฤทธิ์ เป็นศิลปศาสตร์อันประเสริฐ

... พระดาบสธรรมเสนนั้น ได้ซึ่งของอันวิเศษแล้ว ก็คิดว่า

... " เราจะไปแสดงศิลปศาสตร์ให้พระราชบิดาเห็นเป็นอัศจรรย์ "

... คิดแล้วก็ลาพระดาบสทั้งหลายด้วยวาจาว่า

... " จะไปแสดงศิลปศาสตร์แก่พระราชบิดา "

... กราบนมัสการลาพระดาบสแล้ว ก็เข้าฌานกระทำอิทธิฤทธิ์เหาะมาในอากาศเวหา มีเฉพาะหน้าเมืองจำปากะ

... ชาวเมืองเห็นพระดาบสธรรมเสน ก็ชวนกันสรรเสริญยิ่งนักหนา

... ฝ่ายพระดาบสธรรมเสน ก็เข้าไปสู่สำนักพระราชบิดา

... พระธรรมราชาธิราช ทอดพระเนตรเห็นพระโอรสทรงเพศเป็นบรรพชิตดาบสเข้ามาหาดังนั้น

... ก็บังเกิดความเสน่หาเป็นอันมาก ยังพระธรรมเสนดาบสราชโอรสให้นั่งบนตัก แล้วก็ตรัสไต่ถามประพฤติเหตุทั้งปวงว่า

... " ดูก่อนพ่อพระกนิษฐ กุมารทั้ง ๔ คนนั้น ไปอยู่ในที่ดังฤา จึงมาแต่พ่อผู้เดียวดังนี้ "

... พระดาบสธรรมเสนจึงเล่าความแต่หนหลัง ตั้งแต่ต้นจนอวสานให้พระบิดาฟังสิ้นทุกสิ่งทุกประการ

... สมเด็จพระเจ้าธรรมราชาธิราชได้ทรงฟัง จึงตรัสว่า

... " ดูก่อนพ่อธรรมเสนผู้ลูกรัก บัดนี้บิดาแก่ชราอายุมากแล้ว บิดาจะยกศิริราชสมบัติมิ่งมไหศวรรย์เศวตฉัตร มอบให้ในกาลบัดนี้ "

... เมื่อพระธรรมเสนดาบสได้สดับฟังพระบิดาตรัสดังนั้น ก็รับเอาศิริราชสมบัติไว้ตามพระบิดาให้

... จึงมีโจทย์เข้ามาว่า

... " พระธรรมเสนดาบสนั้น ทรงเพศบรรพชิต สำเร็จอิทธิฤทธิ์อภิญญาสมาบัติทุกประการอยู่แล้ว เหตุไรเล่าจึงรับเอาศิริราชสมบัติในครั้งนี้ "

... พระอรรถกถาจารย์เจ้าผู้เป็นปราชญ์วิสัชนาแก้ว่า

... " พระธรรมเสนนั้นเป็นหน่อพุทธางกูร จะใคร่ก่อสร้างพระบารมีแสวงหาพระโพธิญาณ ถ้ายับยั้งอยู่ด้วยเพศบรรพชิตดังนี้แล้ว ก็มิอาจจะกระทำทานมหาบริจาคอันใดได้

... ด้วยไม่มี บุตร ภรรยายอดรัก ข้าทาสหญิงชาย และ โค มหิงส์ ช้าง ม้า ราชรถ สรรพสิ่งทั้งปวง ซึ่งจะสละเป็นมหาบริจาค แม้อยู่เป็นฆราวาสประกอบไปด้วยบุตร ภรรยาแล้ว จึงอาจสามารถยังมหาทานให้บังเกิดกองทานบารมี เป็นปรมัตถมงกุฏได้โดยสะดวก

... เหตุดังนั้นพระธรรมเสนดาบสบรรพชิตบรมโพธิสัตว์ จึงรับเอาศิริราชสมบัติที่สมเด็จพระราชบิดายกให้ "


208
... พระเจ้าธรรมราชาได้ทรงจัดเรือ ให้พระราชโอรสเสด็จรอนแรมไปตามห้วงมหาสมุทรใหญ่
     
... เมื่อพระราชกุมารทั้งหลายไปถึงท่ามกลางมหาสมุทรเข้าแล้ว

... ฝ่ายพระราชกุมารมีเจ้าภัททกุมารเป็นอาทิ ซึ่งเป็นพระอนุชาแห่งเจ้าธรรมเสนบรมโพธิสัตว์ทั้ง ๔ พระองค์ ไม่มีสติปัญญาสำคัญผิดคิดมิชอบ หลงใหลไปในท้องสมุทร

... ครั้งนั้น เจ้าภัททกุมารเข้าใจว่า ลูกศรอันเป็นพิษที่อาจารย์สั่งสอนมานั้นว่า มีอยู่ภายใต้ท้องพระมหาสมุทร โดยคิดว่า

... " เราจะโจนลงไปในน้ำ สำแดงศิลปศาสตร์ภายใต้ท้องพระมหาสมุทร มีชัยชนะได้ลูกศรอันมีพิษขึ้นมา

... เมื่อพระบิดาได้ทรงฟังว่าเรามีชัยก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่เรา "

... เจ้าภัททกุมารคิดดังนี้แล้ว ก็โจนลงไปในท้องมหาสมุทร

... ครั้งนั้นมหามัจฉาปลาใหญ่ ก็กินกุมารนั้นเสีย

... ครั้นสำเภาแล่นไปในเบื้องหน้า จนถึงเวลาเที่ยงคืน น้ำในท้องมหาสมุทรเป็นสีพราย เปรียบเหมือนดอกไม้ไฟ

... เจ้ารามกุมารสำคัญในใจว่า

... " เพลิงดอกไม้ไฟนั้น มีอยู่ในท้องมหาสมุทรถ้าเราลงไปเอาขึ้นมา ทราบถึงพระบิดาก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่เรา "

... คิดแล้วก็โจนลงไปในท้องมหาสมุทร ปลาใหญ่ก็กินกุมารนั้นเสีย

... ครั้นเวลารุ่งสว่างขึ้นมา ถึงตะวันเที่ยงสำเภาแล่นไป

... เจ้าปมาทกุมารนั้น เห็นดวงพระอาทิตย์ปรากฏในท้องพระมหาสมุทร ก็สำคัญว่า

... " ทองคำเนื้อบริสุทธิ์ปราศจากราคีมีอยู่ในน้ำ ถ้าเราลงไปดำเอาขึ้นมาได้ เห็นว่าชัยชนะจะพึงมีแก่อาตมา พระบิดาทรงทราบแล้วก็จะยกศิริราชสมบัติให้แก่เรา "

... คิดแล้วก็โจนน้ำดำลงไป ปลาใหญ่ก็กินกุมารนั้นเสีย

... สำเภาแล่นไปจนถึงเมืองหนึ่งเข้า เจ้าธัชชกุมารนั้นขึ้นไปในเมือง เพื่อจะสำแดงศิลปะศาสตร์ของตน

... จึงร่ายมนต์แล้วก็แปลงกายเป็นอสรพิษเลื้อยไปในท่ามกลางมหาชนทั้งหลาย

... ชาวเมืองเห็นงูร้ายเลื้อยมาดังนั้น ก็ชวนกันกลุ้มรุมตีด้วยไม้ค้อนก้อนดิน กระทำให้พินาศฉิบหาย ตายอยู่ในที่นั้น

... ตกว่า พระราชกุมารทั้ง ๔ ตายสิ้น ด้วยศิลปะศาสตร์ของอาตมาอันหาปัญญาสำคัญมิได้ ด้วยคิดวิปลาสผิดไป ก็ได้ซึ่งความฉิบหายดังนั้น

209
     ... และก็ถึงอาณาจักรประเทศแถนไทยด้วย

... ก็ในกาลนี้ ในอนาคตวงศ์มีเรื่องอันเป็นพระพุทธพจน์ตรัสเล่าแสดงแก่พระสารีบุตรเถระ

... จึงเป็นเรื่องในสมัยพระพุทธกาลพระสมณโคดมของเรานี้มีว่า

... พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าตรัสเล่าว่า

... พระยาช้างนาฬาคีรี ซึ่งเป็นบรมโพธิสัตว์วิริยาธิกะนี้

... ได้ไปบังเกิดเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ของพระเจ้าธรรมราชาธิราชนั้น ซึ่งมีนามชื่อว่า ธรรมเสนกุมาร เป็นที่ ๑

... กับมีพระอนุชาอีก ๔ องค์ คือ

... ที่ ๒ มีนามว่าภัททกุมาร

... ที่ ๓ มีนามว่า รามกุมาร

... ที่ ๔ มีนามว่า ปมาทกุมาร

... ที่ ๕ มีนามว่า ธัชชกุมาร
     
... ต่างได้ไปเรียนสำเร็จศิลปศาสตร์ ในสำนักทิสาปาโมกขาจารย์ ณ ตักศิลาพร้อมกัน

... พระธรรมเสนกุมารนั้น สำเร็จวิชาทานศีลธรรมศาสตร์

... พระภัททกุมาร สำเร็จธนูศรพิษศิลปศาสตร์

... พระรามกุมาร สำเร็จวิชาดอกไม้ไฟศิลปศาสตร์

... พระปมาทกุมาร สำเร็จวิชาช่างทองศิลปศาสตร์

... พระธัชชกุมาร สำเร็จวิชาบำราบอสรพิษศิลปศาสตร์
     
... ครั้นสำเร็จแล้ว ก็กลับมาพร้อมกัน และพร้อมกันเข้าเฝ้า จึงสำแดงศิลปศาสตร์ที่สำเร็จมานั้น ให้ทอดพระเนตรเห็นประจักษ์แจ้งทุกพระองค์

... พระเจ้าธรรมราชาธิราชพระราชบิดา ได้ตรัสสรรเสริญเป็นอันมาก

... เมื่อจะยกราชสมบัติให้ครองนั้น ได้ทรงพระราชดำริแล้ว

... จึงตรัสสั่งทั้ง ๕ พระองค์ให้ไปแสดงศิลปศาสตร์ ณ เมืองถิ่นอื่น

... ใครได้ชมเชยมาก ก็จะยกราชสมบัติให้ผู้นั้นได้ครองต่อไป

210
พุทธันดรที่ ๒ สมัยพระโกนาคมน์พุทธเจ้า

... พ่อขุนแถนไทยมากมายหลายหลาก ต่างชื่อกันบ้างมีชื่อซ้ำกันบ้าง ได้ปกครองอาณาจักรแถนไทยสืบต่อกันมา

... ต่างก็ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองมากบ้างน้อยบ้าง ตามระบบแบบไทยตลอดมา

... ทั้งได้ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนความเจริญแก่กันและกัน อันเป็นสัมพันธไมตรี ตลอดถึงจัมปากรัฐ จดถึงชมพูทวีปมัชฌิมชนบทหรือมัธยมประเทศตลอดด้วย
     
... โดยเฉพาะก็คือ การเรียนสือไทย หรือ ลายสือไทยได้มีการสอนกันมาก เรือนหลวง จวนลูกขุนมูลนาย วัง ได้ตั้งเป็นโรงเรียนขึ้นทุกแห่ง การเรียนจึงแพร่หลายให้รู้สือ อ่านออกเขียนได้ และได้ตั้งเป็นตำราไทยมีชื่อว่า " รู้สือไทย "
     
... พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธองค์ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ณ มัชฌิมประเทศนั้น ได้เสด็จโปรดชาวโลกตลอดชมพูทวีป และ ถึงจัมปากรัฐ

... พระเจ้ากรุงจัมปาก ทรงพระนามว่า พระเจ้าธรรมราชาธิราช ก็ทรงเลื่อมใสได้ตรัสถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยความเคารพนับถือ

... ทั้งได้ส่งข่าว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้พ่อขุนแถน ผู้บุรพสหายได้ทราบ
     
... พ่อขุนแถนไทยจึงได้เสด็จ จัมปากรัฐแล้ว

... พากันไปเฝ้าถึงพระมหาวิหาร

... ต่อมา พระผู้มีพระภาคโคนาคมนก็ได้เสด็จโปรดถึงอาณาจักรแถนไทยด้วย

... ในกาลก่อนสมัยพระพุทธกาลนั้น ณ ราชอาณาจักรจัมปากรัฐนั้น

... ก็เป็นสมัยพระเจ้าธรรมราชาธิราชเจ้า ทรงครองราชสมบัติ

... พระองค์ทรงทศพิธราชธรรม อันเป็นมรดกตกทอดมาจากพระกุกกุสันธสัมมาสัมพุทธองค์นั้น

... จึงทรงมีมิตรสัมพันธไมตรีตลอดทุกอาณาจักรประเทศ


หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15