เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน  (อ่าน 14628 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« เมื่อ: กันยายน 14, 2014, 09:39:39 PM »
... โภคทรัพย์ทั้งหลาย ถูกโจรลักไป ถูกพระราชาริบไป ถูกไฟไหม้ เสียหาย

... อนึ่ง บุคคลผู้เป็นเจ้าของย่อมละทิ้งสรีรกาย กับทั้งข้าวของ เพราะความตาย

... นักปราชญ์ทราบเหตุนี้แล้ว พึงใช้สอยบ้าง พึงให้ทานบ้าง
                         
... ครั้นให้ทาน และใช้สอยตามสมควรแล้ว เป็นผู้ไม่ถูกติเตียน

... ย่อมเข้าถึงสถาน คือ สวรรค์

                         

ออฟไลน์ peangmak

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
  • ญาติธรรม
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 29, 2014, 02:53:05 PM »
ผมชอบให้ทานเด็กๆครับ

ออฟไลน์ Maidarinka

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
  • ญาติธรรม
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2014, 03:26:25 PM »
เยอะเหมือนกันนครับเนี้ย

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2014, 08:37:06 PM »
... ท่านหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านสอนไว้ว่า

เป็นเครื่องเตือนใจให้ทราบว่า

การจะมีทรัพย์สินมากหรือน้อยก็ตาม

ได้มาจากผลของการบริจาคทาน

การให้ทานเป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์สินในชาติต่อไป

ความจริงถ้าเป็นนักบุญที่เนื่องในการให้ทานจริงๆ

ทำบุญให้ทานในเขตทานที่ให้ผลมาก

ไม่ต้องทำคราวละมากๆ ทำน้อยๆ พอไม่เดือดร้อน

แต่ให้ทำบ่อยๆ ให้ติดต่อกันเป็นประจำ

เช่น  การถวายสังฆทานเป็นปกติ

สังฆทานก็ไม่ต้องลงทุนมาก ใส่บาตรวันละองค์สององค์

หรือเอาข้าวเปลือก ข้าวสาร (หรือตังค์วันละบาทสองบาท)ใส่ที่เก็บเล็กๆ ไว้วันละนิดหน่อย ตั้งใจไว้ว่า

ข้าวที่เก็บไว้นี้เราจะรวมไว้ เมื่อมีมากพอสมควรจะเอาไปถวายเป็นอาหารของพระ

อย่างนี้เรียกว่าถวายสังฆทาน 

ทำอย่างนี้เสมอๆ

ขอให้ค่อยๆ พิจารณา เมื่อวันเวลาผ่านไปสักปีหรือสองปี

จะเห็นว่าผลของทานแม้เล็กน้อยเพียงเท่านี้

จะทำให้ความเป็นอยู่เพิ่มพูนขึ้นมากกว่าปกติ

มีการหาได้คล่องตัวขึ้น

ชาติหน้าจะรวยขั้นมหาเศรษฐี


ถ้าอยากเห็นผลแน่นอน ต้องรักษาศีล ข้ออทินนาฯ ข้อกาเมฯ และข้อสุราฯ อย่างนี้ จะเห็นผลภายใน ๑ ปีครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2014, 08:41:40 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2014, 08:33:41 PM »
... พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

... " ชนผู้ใคร่ต่อบุญ ถวายทานมุ่งตรงต่อสงฆ์ ทานของเขาเหล่านั้นชื่อว่าเป็นทานที่ถวายดีแล้ว เพราะทานนั้นจัดเป็นสังฆทาน มีผลมาก มีอานิสงส์มาก อันพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกทรงสรรเสริญ ฯ.
     
... อนึ่ง บุคคลที่จะถวายสังฆทานนั้น ให้ตั้งจิตอุทิศเฉพาะพระอริยเจ้า อย่าตั้งจิตอุทิศแก่ภิกษุปุถุชน
     
... อนึ่ง ขอสงฆ์(นิมนต์พระมารับสังฆทาน)แล้ว จะได้พระเถระมาก็ดี จะได้ภิกษุหนุ่มหรือสามเณรก็ดี อย่าดีใจอย่าเสียใจ ทำใจให้เป็นกลางๆ ถ้าดีใจหรือเสียใจก็ไม่เป็นสังฆทาน


... ด้วยสังฆทานนี้มีผลมาก สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ในทักขิณาวิภังคสูตรแก่พระอานนท์มหาเถระ พระองค์ทรงปรารภนางกีสาโคตรมีถวายผ้า

... กิร ดังได้สดับมา พระนางกีสาโคตรมีพระน้านางของพระพุทธเจ้ามีจิตยินดี ศรัทธานำคู่ผ้าไปถวายแก่พระพุทธองค์ พระองค์ไม่ทรงรับคู่ผ้า จึงทรงกรุณาให้ถวายแก่สงฆ์ พระนางเสียใจร้องไห้ไปหาพระอานนท์ พระอานนท์จึงได้เข้าไปกราบทูลพระองค์ให้ทรงรับซึ่งคู่ผ้า พระบรมศาสดาทรงตรัสว่า 
     
... " ดูกรอานนท์ สังฆทานนี้มีผลมากกว่าทานทั้งปวง ที่สุดจะสิ้นพระศาสนา มีแต่โคตรภูสงฆ์ทรงผ้ากาสาว์ผูกคอและข้อมือเป็นต้น ทำไร่ ไถนา ค้าขาย มีบุตรภรรยา ทายกมีใจศรัทธาจะถวายสังฆทาน ไปเชิญสงฆ์เหล่านั้นมานั่งตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ตั้งใจอุทิศในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นสังฆทานมีผลมากเป็นอสงไขยจะนับประมาณมิได้ "
     
... " ดูกรอานนท์ บุคคลให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานร้อยหน ยังไม่สู้ผลที่ให้ทานแก่คนไม่มีศีลครั้งหนึ่ง ให้ทานแก่คนไม่มีศีลร้อยหน ยังไม่เท่าให้ทานกับคนรักษาศีลครั้งหนึ่ง ให้ทานแก่คนมีศีลร้อยหนยังไม่เท่าให้ทานกับพระโสดาบันครั้งหนึ่ง ให้ทานกับพระโสดาบันร้อยหนยังไม่เท่ากับให้ทานกับพระสกิทาคามีครั้งหนึ่ง ให้ทานแก่พระสกิทาคามีร้อยหนยังไม่เท่ากับให้ทานแก่พระอนาคามีครั้งหนึ่ง ให้ทานกับพระอนาคามีร้อยครั้งยังไม่เท่าทำทานกับพระอรหันต์หนหนึ่ง ถวายทานแก่พระอรหันต์ร้อยหนก็ไม่เท่ากับถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า  ถวายทานแก่พระปัจเจกโพธิ์ร้อยหนก็ไม่เท่าถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งหนึ่ง ถวายทานกับพระพุทธเจ้าร้อยหน ยังไม่เท่าถวายสังฆทานหนหนึ่ง ถวายสังฆทานมีผลมากดังนี้แล ฯ."

... ในพระไตรปิฎกท่านกล่าวไว้ว่า สังฆทานมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีอานิสงส์มากที่สุด เข้าพระนิพพานแล้วอานิสงส์ยังใช้ไม่หมด

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2014, 11:15:56 PM »
พระไตรปิฎก สุตตันตปิฎก
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ วิภังควรรค
ทักขิณาวิภังคสูตร

... ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารนิโครธาราม เขตพระนครกบิลพัสดุ์ ในสักกชนบท

... สมัยนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงถือผ้าห่มคู่หนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ หม่อมฉันกรอด้าย ทอเอง ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาค ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์ โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ของหม่อมฉันเถิด "
             
... เมื่อพระนางกราบทูลแล้วอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า

... " ดูกรโคตมี พระนางจงถวายสงฆ์เถิด เมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นอันพระนางได้บูชาทั้งอาตมภาพและสงฆ์ "

... พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ หม่อมฉันกรอด้าย ทอเอง ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาค ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์ โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่นี้ของหม่อมฉันเถิด "

... แม้ในครั้งที่ ๒ แม้ในครั้งที่ ๓ แล พระผู้มีพระภาคก็ตรัสกะพระนาง แม้ในครั้งที่ ๒ แม้ในครั้งที่ ๓ ดังนี้ว่า

... " ดูกรโคตมีพระนางถวายสงฆ์เถิด เมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นอันพระนางได้บูชาทั้งอาตมภาพและสงฆ์ "
             
... เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

... " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ ของพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถิด พระนางมหาปชาบดีโคตมี มีอุปการะมาก เป็นพระมาตุจฉาผู้ทรงบำรุงเลี้ยง ประทานพระขีรรสแด่พระผู้มีพระภาคเมื่อพระชนนีสวรรคตแล้ว ได้โปรดให้พระผู้มีพระภาคทรงดื่มเต้าพระถัน แม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงมีอุปการะมากแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี พระนางทรงอาศัยพระผู้มีพระภาค จึงทรงถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะได้ทรงอาศัยพระผู้มีพระภาค จึงทรงงดเว้นจากปาณาติบาต จากอทินนาทาน จากกาเมสุมิจฉาจาร จากมุสาวาท จากฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเพราะดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยได้ ทรงอาศัยพระผู้มีพระภาค จึงทรงประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงประกอบด้วยศีลที่พระอริยะมุ่งหมายได้ ทรงอาศัยพระผู้มีพระภาค จึงเป็นผู้หมดความสงสัยในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงมีพระอุปการะมากแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี "
             
... พระพุทธเจ้าตรัสว่า

... " ถูกแล้วๆ อานนท์ จริงอยู่บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว เป็นผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะได้ เราไม่กล่าวการที่บุคคลนี้ตอบแทนต่อบุคคลนี้ด้วยดี เพียงกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลี ทำสามีจิกรรม ด้วยเพิ่มให้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยเภสัชบริขาร บุคคลใดอาศัยบุคคลใดแล้ว งดเว้นจากปาณาติบาต จากอทินนาทาน จากกาเมสุมิจฉาจาร จากมุสาวาท จากฐานะเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเพราะดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยได้ เราไม่กล่าวการที่บุคคลนี้ตอบแทนต่อบุคคลนี้ด้วยดี เพียงกราบไหว้ลุกรับ ทำอัญชลี ทำสามีจิกรรม ด้วยเพิ่มให้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยเภสัชบริขาร บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยะมุ่งหมายได้ เราไม่กล่าวการที่บุคคลนี้ตอบแทนบุคคลนี้ด้วยดี เพียงกราบไหว้ลุกรับ ทำอัญชลี ทำสามีจิกรรม ด้วยเพิ่มให้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยเภสัชบริขาร บุคคลอาศัยบุคคลใดแล้ว เป็นผู้หมดความสงสัยในทุกข์ ในทุกขสมุทัย ในทุกขนิโรธ ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาได้ เราไม่กล่าวการที่บุคคลนี้ตอบแทนบุคคลนี้ด้วยดี เพียงกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลี ทำสามีจิกรรม ด้วยเพิ่มให้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยเภสัชบริขาร ฯ

... " ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิกมี ๑๔ อย่าง คือ ให้ทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑
ให้ทานในพระปัจเจกสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๒
ให้ทานในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๓
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๔
ให้ทานแก่พระอนาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๕
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๖
ให้ทานแก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๘
ให้ทานในพระโสดาบัน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๙
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๐
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๑
ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๒
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๓
ให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ "
             
... " ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า
ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า
ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า
ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้ จนประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน
ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกิทาคามิผลให้แจ้ง
ในพระสกิทาคามี
ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง
ในพระอนาคามี
ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง
ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์
ในพระปัจเจกสัมพุทธ
และในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ "
             
... " ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์มี ๗ อย่าง คือ ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๑

... ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๒

... ให้ทานในภิกษุสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๓

... ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๔

... เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้าแล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๕

... เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๖

เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุณีจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๗ "
             
... " ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น

... ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย "

             
... " ดูกรอานนท์ ก็ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณานี้มี ๔ อย่าง ๔ อย่างเป็นไฉน

... ดูกรอานนท์ ทักษิณาบางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก

... บางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก

... บางอย่างฝ่ายทายกก็ไม่ บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์

... บางอย่างบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายกและฝ่ายปฏิคาหก "
             
... " ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหกอย่างไร

... ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกมีศีล มีธรรมงาม ปฏิคาหกเป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ฯ
             
... ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายกอย่างไร

... ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกเป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก ปฏิคาหกเป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหกไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก
             
... ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าฝ่ายทายกก็ไม่บริสุทธิ์ ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์อย่างไร

... ดูกรอานนท์ในข้อนี้ ทายกก็เป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก ปฏิคาหกก็เป็นผู้ทุศีล มีธรรมลามก อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าฝ่ายทายกก็ไม่บริสุทธิ์ ฝ่ายปฏิคาหกก็ไม่บริสุทธิ์ ฯ
             
... ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายก และฝ่ายปฏิคาหกอย่างไร

... ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ ทายกก็เป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม ปฏิคาหกก็เป็นผู้มีศีล มีธรรมงาม อย่างนี้แล ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายทายกและฝ่ายปฏิคาหก
             
... ดูกรอานนท์ นี้แล ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณา ๔ อย่าง
             
... พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ได้ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ต่อไปอีกว่า

                         
ผู้ใดมีศีล ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี
                          เชื่อกรรมและผลแห่งกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนทุศีล
                          ทักษิณาของผู้นั้น ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ฯ
                         
ผู้ใดทุศีล ได้ของมาโดยไม่เป็นธรรม มีจิตไม่เลื่อมใส
                          ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนมีศีล
                          ทักษิณาของผู้นั้นชื่อว่า บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก ฯ
                         
ผู้ใดทุศีล ได้ของมาโดยไม่เป็นธรรม มีจิตไม่เลื่อมใส
                          ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนทุศีล
                          เราไม่กล่าวทานของผู้นั้นว่า มีผลไพบูลย์ ฯ
                         
ผู้ใดมีศีล ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี เชื่อกรรม
                          และผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในคนมีศีล เรากล่าวทาน
                          ของผู้นั้นแลว่า มีผลไพบูลย์ ฯ
                         
ผู้ใดปราศจากราคะแล้ว ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใส
                          ดี เชื่อกรรมและผลของกรรมอย่างยิ่ง ให้ทานในผู้ปราศจาก
                          ราคะ ทานของผู้นั้นนั่นแล เลิศกว่าอามิสทานทั้งหลาย ฯ

นิฏฐิตา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 11, 2014, 11:25:51 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ pongsakornuu

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
Re: พระพุทโธวาทเกี่ยวกับการให้ทาน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2014, 03:58:26 PM »
อ่านแล้วใจร่มเลยครับ สดชื่นจริงๆ