เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: ความเกี่ยวข้องกันในการสร้างพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์  (อ่าน 86748 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... และในกาลนั้น ราชอาณาจักรจัมปากรัฐติดต่อกับชมพูทวีป ในทางตะวันออกก็ติดต่อ และมีสัมพันธไมตรีชั้นเพื่อนเกลอกับราชอาณาจักรแถนไทย

... ณ รัชสมัยพระเจ้าธรรมราชาธิราชเจ้า ก็ทรงมีมิตรธรรมกับพระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า ระดับเพื่อนเกลอ

... ในกาลที่สมเด็จพระโกนาคมน์บรมครูตรัสรู้แล้ว ก็ได้ฟังธรรม

... แม้พระพุทธองค์และพระอรหันตสาวกก็เสด็จและมาโปรดเสมอ

... เพราะพระพุทธองค์และพระอรหันต์ก็ทรงทราบว่า

... " พระเจ้าธรรมเสนราชาและพระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า

... ต่างได้ปรารถนาพระโพธิญาณ และทรงบำเพ็ญบารมีมาช้านานใกล้เต็มแล้ว

... จึงมาโปรดเพื่อส่งเสริมเพิ่มให้เต็มตลอดไป "

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ก็มีข่าวถึงกันอยู่เสมอ กระทั่งกาลที่ถึงกำหนดแก่กล้า

... พระเจ้าธรรมเสนราชา สละพระลูกทั้ง ๒ สละพระราชเทวี สละราชสมบัติ

... ตลอดกระทั่งสละพระเศียรเกล้า และพระสรีระกายทั้งชีวิตเป็นพุทธบูชานั้น ซึ่งเป็นวาระกาลยอดสุดแล้ว พระดาบสได้ดับชีพไปแล้ว

... แต่พระราชอาณาจักรและพระมเหสียังอยู่เป็นปกติ

... พระเจ้าแถนไทยแก้วฟ้า ได้ทรงทราบข่าวและก็ได้อนุโมทนาสาธุการแล้ว

... และรีบด่วนเสด็จไปเยี่ยมเยียน และประสงค์จะดูแลและทรงอุปถัมภ์มเหสีเพื่อนเกลอนั้น
     
... ครั้นเสด็จถึง พระนางทรงพาบุรุษแก่เสด็จด้วยออกต้อนรับ และตรัสเล่าให้ฟังว่า

... " พระราชสวามีทรงยกพระนางให้และทรงกระทำพิธีราชาภิเษกบุรุษเฒ่านี้เป็นพระราชาองค์ใหม่ "

... พระมหาฉัตตธรรมราชาหรือบุรุษเฒ่านั้น

... ครั้นได้พบและได้ฟังพระนางลัมภุสสราชเทวีตรัสเล่าแล้ว

... จึงได้เปลี่ยนเพศเป็นเทพเจ้าผู้มีศักดิ์ใหญ่ ได้ทรงลอยขึ้นสู่เวหาสแล้วได้ประกาศกล่าวว่า

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
     ... " เรานี้ เมื่อก่อนกาลที่พระโกนาคมน์จะอุบัติขึ้น

... ได้เกิดเป็นพระยาช้างใหญ่ ตระกูลฉัททันต์

... ได้เป็นราชาเจ้าโขลง ปกครองช้างตระกูลเดียวกันประมาณ ๘๔,๐๐๐ เชือก 

... ณ บริเวณสระฉัททันต์นั้น ซึ่งได้ปกครองให้อยู่เป็นสุขตลอดกาลนาน

... จวบถึงกาลที่สมเด็จพระโกนาคมน์พุทธเจ้าอุบัติ

... ทรงครองเรือนอยู่ ๓,๐๐๐ ปี

... ได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และได้ตรัสรู้เป็นพระโกนาคมน์สัมมาสัมพุทธองค์แล้ว

... ได้ล่วงมาถึงมัชฌิมโพธิกาล
   
... ในกาลนั้น ธรรมเสนราชานี้ ได้ไปบวชเป็นดาบสในสำนักดาบส ในป่าหิมพานต์

... ยังได้พบเห็นกัน แต่พูดกันด้วยปากไม่ได้ เพราะต่างชาติกำเนิดกัน

... กระนั้นก็พอรู้กันได้โดยเจโตปริยญาณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 07, 2014, 05:51:27 AM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ในปลายมัชฌิมโพธิกาลนั้น

... ครั้งนั้น พระโกณฑัญญะเถรมหาขีณาสพ พระสาวกของพระโกนาคมน์พุทธองค์นั้น

... ได้ไปปรินิพพาน ณ ลานบริเวณสระฉัตรทันต์นั้น

... เราได้สละงาทั้งคู่ อธิษฐานขอให้มีเลื่อยทิพยนต์ ทำงาข้างหนึ่งเป็นโกศบรรจุพระสรีระศพ

... อีกข้างทำเป็นนกยูงเป็นเชิงรองตั้งโกศ

... เอาผมขน ณ ศีรษะทำเป็นไส้ประทีปเทียน ตามถวายสักการะบูชา
     
... กุญชรชาติฉัตทันต์บริวาร ๘๔,๐๐๐ ประชุมกันแล้ว

... ใช้งวงประคอง วางลงบนกระพอง ยังเพลิงให้ลุกขึ้นเผาไหม้อยู่

... นกยูงเชิงรองตั้งโกศนั้น ดุจมีวิญญาณ ได้โผผินบินไปในอากาศ ให้เพลิงไหม้หมดสิ้น

... แต่อัฐิธาตุทั้งหลาย ได้ตกเรี่ยรายบนแผ่นดิน

... ทวยเทพได้ตกแต่งเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้แล้ว

... ในกาลประชุมเพลิงศพพระอรหันต์ ครั้งนั้นเราได้กระทำความปรารถนาว่า
     
... " ด้วยเดชผลนี้ จงเป็นปัจจัยแก่พระสัพพัญญูสรรเพชรดาญาณเถิด "
     
... ก็เมื่อถึงกาล จึงจุติได้เคลื่อนขึ้นไปเกิดเป็นเทพเจ้าศักดิ์ใหญ่ ณ ดุสิตสวรรค์

... แล้วได้คอยอยู่จนถึงกาลนี้ ก็ได้เห็นธรรมเสนได้สละลูกชายหญิงให้เป็นภักษาหารแก่ยักษ์

... แล้วจึงได้มาคอยรอรับสละพระมเหสีและราชสมบัติ

... ให้สำเร็จผล บำเพ็ญปรมัตถทานบารมียอดสูงสุดนั้น

... ให้บริบูรณ์ และก็ได้สำเร็จสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2014, 09:00:16 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... พ่อขุนไทยแก้วฟ้า ก็เป็นพวกเดียวกัน ทั้งเป็นเพื่อนเกลอของพระเจ้าธรรมเสนราชา

... ด้วยเราได้มาในฐานะศักดิ์มนุษย์ ได้กระทำหน้าที่มนุษย์สำเร็จแล้ว จึงหมดหน้าที่

... ทั้งเป็นอมนุษย์ด้วย จึงไม่สมควรทุกประการ

... ฉะนี้ จึงขอมอบราชสมบัติ พร้อมกับพระนางเทวีแก่พระองค์ท่าน

... ได้โปรดอนุเคราะห์ปกครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
     
... เราอมนุษย์เทพทั้ง ๒ พร้อมด้วยทวยเทพท้าวมนุษย์ทั้งหลาย

... ร่วมกันกระทำทั้งอินทราภิเษกและราชาภิเษกสถาปนา พระองค์ท่านเป็น นพรัตนธรรมราชา กับลัมภุสสราชเทวี

... ก็พระราชเทวีนี้ ณ กาลครั้งที่เป็น มหาปนาทบรมจักรพรรดินั้น พระนางก็เป็นนางสนองพระโอษฐ์ของท่าน

...  จึงให้ครองทั้ง ๒ อาณาจักร กับทั้งพระนางใคร่มีพระราชโอรสธิดาสืบสกุล

... ก็พระราชโอรส ธิดาทั้ง ๒ ซึ่งเป็นภักษาหารยักษ์ไปแล้ว ก็เป็นอันพ้นพันธกรณี จึงยังรอคอยกาลเวลาจะมาเกิดใหม่ได้
     
... ท่านจงกระทำปรามาส(ลูบคลำพระนาภี) ซึ่งพวกเรากระทำได้ตามธรรมนิยมของนิยตโพธิสัตว์

... จงกระทำปรามาส เพื่อเป็นโอกาสจะได้เกิดเป็นคู่แฝดชายหญิง

... สพฺพโสตฺถี ภวนฺตุ เต ให้สำเร็จผลสมประสงค์จงทุกประการ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2014, 09:00:49 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... พระเทพเจ้าบรมโพธิสัตว์ธรรมเสนก็กล่าวปกาศิตว่า

... " อิจฉิตํ ปฏฺฐิตํ ตุมหํ ขิปปเมว สมิชฺฌตุ สพฺเพ ปูเรนตุ สงฺกปฺปา จนฺโท ปณฺณรโส ยถา

... สิ่งที่ประสงค์ ที่ปรารถนา จงสำเร็จแก่ท่านฉับพลันเถิด

... ให้สรรพดำริจงเต็มเปี่ยมเหมือนจันทร์เพ็ญเต็มดวง ฉะนั้น "


... เสร็จอินทราภิเษกแล้ว ต่างก็ได้กลับไปยังวิมาณของตน
     
... ขุนแถนไทยแก้วฟ้ามหาสัตว์ จึงมีนามอีกชื่อหนึ่งว่า พระเจ้านพรัตนธรรมราชา

... ได้ปกครองทั้ง ๒ อาณาจักรนั้น ได้ทรงกระทำอย่างเทพเจ้าศักดิ์ใหญ่สั่งไว้

... ต่อมาไม่นาน พระนางลัมภุสสราชเทวีทรงครรภ์ครบกำหนดแล้ว

... จึงได้ประสูติพระราชโอรสธิดาแฝด

... เป็นพระราชโอรส ๑ ได้ให้นามชื่อเดิมนั้นว่า เจ้าธรรมสารกุมาร

... เป็นพระราชธิดา ๑ ได้ให้นามชื่อเดิมว่า เจ้าหญิงสาริณี

... ต่างได้เจริญวัยจนบรรลุวัยรุ่น

... พระเจ้านพรัตนธรรมราชาทรงเห็นแม่ลูก เจริญตามรอยศีลวัตร และธรรมศาสนศาสตร์มาตลอด ตามที่เทพเจ้าประกาสิตไว้

... จึงทรงกระทำพระราชพิธีอิทราภิเษกพระนางลัมภุสสราชเทวีเป็น สมเด็จพระแม่เจ้าอยู่หัวบรมราชชนนีลัมภุสสราชเทวี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2014, 09:02:06 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ทรงราชาภิเษกพระธรรมสารราชกุมาร เป็น สมเด็จพระเจ้าธรรมสารราชาธิบดี

... และทรงอุปราชาภิเษกพระนางเจ้าสาริณีราชกุมารี เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสาริณีอุปราชินี

... ให้เสด็จสำเร็จสรรพราชการดำรงที่สมเด็จอภิประมุขมนตรี กับดำรงที่สมเด็จพระเจ้าธรรมสารราชาธิบดี และดำรงที่สมเด็จพระเจ้าอุปราชินี แห่งจัมปากรัฐราชอาณาจักรเอกราชเท่าเดิม

... พร้อมกับเป็นพระราชอาณาจักรมิตรสัมพันธไมตรีตามเดิม ทั้งทรงรับร่วมกันคุ้มครองป้องกันตลอดกาลอีกด้วย 

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
พุทธันดรที่ ๓ สมัยพระพุทธกัสสปทศพลญาณเจ้า

... ในอนาคตวงศ์ เล่าถึงกาลพระกัสสปสัมมาสัมพุทธองค์นั้น

... ชมพูทวีป ก็ได้มีชื่อว่า ชมพูทวีป อย่างนั้น กับมีชื่อว่า มัชฌิมชนบท หรือ มัธยมประเทศ

... และ จัมปากรัฐ ดินแดนทอง หรือ ไทยทวาลาว

... ซึ่งท่านเขียนเป็นภาษามคธว่า ทวารวติ คือ กรุงเทพทวารวดี นั่นเอง

... ซึ่งเจริญรุ่งเรืองมาตามที่มีพระพุทธองค์เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ๒ พระองค์

... (ดินแดนสุวรรณภูมิ หรือ เมืองทองนี้ หรือประเทศไทยในปัจจุบันนี้ เป็นดินแดนที่พระมหาโพธิสัตว์ชั้นผู้ใหญ่ มักจะลงมาสร้างบารมีบ่อยกว่าที่อื่นๆ ในโลก เพราะมีความบริบูรณ์ในด้านต่างๆ มีพระพุทธศาสนา มีทักขิเณยยบุคคล จิตใจผู้คนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์พระปัจจุบัน พระองค์ท่านยังทรงเป็นคนไทยอาหมอีกด้วย จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ชาวพุทธภูมิดีใจไว้ ว่าได้เกิดเป็นไทย)
     
... ด้านอาณาจักรแถนไทย หลังกาลยุคมิคสัญญีแล้ว

... ได้เปลี่ยนชื่อจาก แถน เป็น แผน หรือ แผนไทย หรือ ไทยแผน

... เมื่อมิคสัญญี อันเป็นกาลสิ้นสุดพุทธันดรที่ ๒ นั้น

... เริ่มพุทธันดรที่ ๓ อายุยืนยาวขึ้นนับไม่ได้ ก็เกิดประมาทขึ้น ประพฤติอกุศลต่างๆ

... อายุลดลงกระทั่งถึงประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี

... สมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธองค์อุบัติ

... พระองค์ได้ครองฆราวาสอยู่ ๒,๐๐๐ ปี จึงออกมหาภิเนษกรมณ์

... ได้ทรงทำความเพียรแล้ว ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธองค์

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ได้แสดงพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตรปฐมเทศนาจบแล้ว

... มีพระอรหันต์สงฆ์เป็นบริวารครบพระรัตนตรัยแล้ว

... ได้เสด็จจาริกโปรดเวไนยชน ตลอดชมพูทวีปมัชฌิมชนบท ถึงจัมปากรัฐ และ แผนไทยชนบท
     
... เมืองไทย หรืออาณาจักรไทยแผนนั้น

... พ่อขุนแผนก็ได้ปกครองกันสืบๆ มา

... ผู้ที่ได้เป็นพ่อขุน ก็ขนานนามชื่อว่า ขุนแผนเมืองฟ้า

... แม่หญิงใดที่ได้ขึ้นที่ขุนหญิง ก็มีชื่อว่า ดวงขวัญใจ ตลอดมา

... ในกาลนั้น ทางชมพูทวีปมัชฌิมชนบท พระกัสสปทศพลได้ตรัสรู้แล้ว

... พระกิตติคุณได้แพร่ไปตลอด จนมีพระพุทธพรรษาได้ ๑๑,๐๐๐ พรรษา พระชนมายุได้ ๑๔,๐๐๐ ปี แล้ว

... พระเจ้าพ่อขุนแผนเมืองฟ้า เห็นว่า ลูกทั้ง ๔ ตั้งอยู่ในหน้าที่ดีตลอด

... ทั้งประชาราษฎร์ก็ชื่นชมสาธุการทั่วกัน

... ไม่มัวเมาในอธรรมศักดิ์อับศรีไร้เกียรติคุณ และสดชื่นดีในยุติธรรม

... และทรงทศพิธราชธรรมตามที่พระกัสสปทศพลประกาศแล้ว

... ประชาชนได้ปฏิบัติรักษาศีล ประพฤติธรรมทั่วไป ได้ทราบชัดอย่างแน่แท้แล้ว

... จึงคิดว่าหลุดพ้นราชภารธุระแล้ว

... เพราะทรงตั้งปณิธานปรารถนาพระโพธิญาน

... และทรงบำเพ็ญพระบารมีทางทศพิธราชธรรมครบมาแล้วตลอดกาลนั้น จึงคิดว่า

... " จะออกไปเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อจะได้ฟังพุทธพยากรณ์ เช่นโพธิอำมาตย์นั้น "

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ขอแทรกประวัติท่านโพธิอำมาตย์วิริยาธิกะพุทธภูมินิยตะโพธิสัตว์ ดังที่ปรากฏในพระอนาคตวงศ์ ความว่า

... เมื่อครั้งพระพุทธศาสนา พระพุทธกัสสปทศพลญาณเจ้านั้น

... พระยามาราธิราชองค์นี้ ได้บังเกิดเป็นมหาเสนาบดีใหญ่แห่งสมเด็จพระเจ้ากิงกิสสมหาราชา มีนามว่า โพธิอำมาตย์

... อยู่มาวันหนึ่ง องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปสัพพัญญูเจ้า เข้าสู่ผลสมาบัติเชยชมพระนิพพานเป็นบรมสุข ถ้วนกำหนดกาลแล้ว

... ออกจากผลสมาบัติ ในที่ภายใต้ต้นมหานิโครธไทรใหญ่

... ส่วนสมเด็จบรมกษัตริย์พระเจ้ากิงกิสสราช ทรงพระจินตนาในพระหฤทัยว่า

... " แท้จริง อันว่า พระมหากรุณาธิคุณเจ้าเสด็จออกจากผลสมาบัติใหม่ๆ นี้

... ถ้าแม้นบุคคลผู้ใด ได้ถวายทานแก่พระพุทธองค์เจ้าแล้ว

... จะบังเกิดผลอานิสงส์หาที่สุดมิได้

... บัดนี้ควรเราจะทำทาน รักษาศีล สดับตรับฟังพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า "

... ทรงพระจินตนาดังนี้แล้ว จึงมีพระราชโองการดำรัสสั่งราชบุรุษทั้งหลาย ให้ตีกลองร้องป่าวชาวเมืองให้ทั่วกันว่า

... " ถ้าบุคคลผู้ใดไปถวายทานแก่สมเด็จพระพุทธเจ้าก่อนเรา จะให้ลงพระราชอาญาผู้นั้น "

... แล้วตรัสสั่งสหชาติโยธาทั้งหลาย ไปแวดล้อมพิทักษ์รักษาพระเชตุพนมมหาวิหารไว้โดยรอบ

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ในกาลครั้งนั้น โพธิอำมาตย์ ได้ทราบเหตุดังนั้นแล้ว

... ก็มีความปรารถนาจะถวายทานแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าบ้าง คิดว่า

... " ถึงว่าราชบุรุษทั้งหลาย จะจับตัวอาตมาไปถวายพระมหากษัตริย์

... พระมหากษัตริย์จะประหารชีวิตเราเสีย ด้วยความเพียรในการกุศลครั้งนี้

... เสยฺโย ประเสริฐโดยวิเศษอันยิ่งแล้ว เราจะคิดเกรงกลัวพระราชอาญานั้นด้วยเหตุใด "

... โพธิอำมาตย์คิดดังนี้แล้ว ก็ไปบอกกับบุตร ภรรยาให้แจ้งดังพรรณนามานี้ว่า

... " เจ้าจงจัดแจงแต่งอาหารเครื่องไทยทาน กระทำเป็นห่อใหญ่ให้แก่เราสักห่อหนึ่ง กับผ้าสักผืนหนึ่ง "

... ฝ่ายภรรยาได้ฟังสามีบอกดังนั้น ก็เกิดมีศรัทธารับวาจาว่า

... " สาธุ " แล้ว

...  ครั้นเวลารุ่งเช้า นางก็ไปจัดแจงแต่งเครื่องไทยทานทั้ง ๒ สิ่งนั้น เสร็จแล้วนำมาให้แก่สามี

... แล้วกระทำเครื่องไทยทานอีกส่วนหนึ่งให้เป็นของแห่งตน ฝากสามีให้ไปถวายทานด้วย

... ครั้นโพธิอำมาตย์ได้เครื่องไทยทานดังปรารถนาแล้ว

... ก็ตรงไปยังพระวิหารโดยเร็ว

... ครั้งนั้น พวกเสนาทั้งหลายที่แวดล้อมอยู่นั้น

... เห็นโพธิอำมาตย์เดินตรงมา จึงถามว่า

... " โภ เสนาบดี ดูก่อนท่านเสนาบดี เหตุดังฤาท่านจึงองอาจมายังสำนักสมเด็จพระพุทธเจ้า "

... โพธิอำมาตย์ได้ฟังก็คิดว่า

... " ถ้าเราจะบอกแก่คนทั้งหลายด้วยถ้อยคำมุสาวาทว่า

... พระมหากษัตริย์ใช้ให้เรามาอาราธนาองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า เข้าไปยังพระราชนิเวศน์ก็จะได้

... แต่ทว่าหาควรที่เราจะกล่าวมุสาไม่ เราก็ตั้งใจว่าจะถวายทานแก่สมเด็จพระพุทธเจ้า

... เมื่อเรากล่าวมุสาวาทแล้ว ทานของเราจะมีผลานิสงส์หามิได้

... ควรแก่เราจะบอกแก่คนทั้งหลายโดยความจริงเถิด "

... เสนาบดีคิดแล้วก็บอกแก่ราชบุรุษทั้งหลายว่า

... " เราจะไปถวายทานแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า "

... ราชบุรุษได้ฟังถ้อยคำแห่งโพธิอำมาตย์ ก็มีความขึ้งโกรธ กรูกันเข้าจับเอาตัวโพธิอำมาตย์

... มัดมือไพล่หลัง ไปถวายแก่พระมหากษัตริย์ กราบทูลเหตุนั้นให้ทรงทราบ

... พระเจ้ากิงกิสสราชก็ทรงพระพิโรธ สั่งให้นายเพชฌฆาตเอาตัวไปตัดศีรษะเสียให้สิ้นชีวิต

... ฝ่ายเพชฌฆาตและนักการทั้งหลาย ก็พาเอาตัวโพธิอำมาตย์ไปตามรับสั่ง ถึงที่ป่าช้าเข้าเพื่อว่าจะฆ่าเสีย

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ขณะนั้นองค์สมเด็จพระกัสสปทศพลญาณเจ้า ทรงทราบประพฤติเหตุดังนั้นแล้ว ทรงคิดว่า

... " โพธิอำมาตย์นี้ เป็นหน่อบรมโพธิสัตว์ เสมอวงศ์แห่งพระตถาคต

... มีอภินิหารเหตุได้กระทำมาแต่ก่อน จะกระทำกาลกิริยาตายเสียในเวลาวันนี้ "

... สมเด็จพระกัสสปสัพพัญญูเจ้า ทรงพระมหากรุณาแก่โพธิอำมาตย์

... จึงนิรมิตเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ให้สถิตอยู่ในพระเชตวันวิหาร

... ส่วนพระองค์ยังพระพุทธรูปขององค์ให้อันตรธานหาย เสด็จไปประดิษฐานอยู่ในที่สุสานประเทศ

... ครั้งนั้น บังจักษุแห่งนายเพชฌฆาตไว้ให้เป็นมหาละลวยละลายไป

... นายเพชฌฆาตเห็นรูปสมเด็จพระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับเหล่าราชบุรุษทั้งหลายที่มานั่งอยู่นั้น

... กระทำแต่จักษุโพธิอำมาตย์ผู้เดียว ให้เห็นเป็นรูปพระพุทธองค์ จึงมีพุทธฎีกาตรัสว่า


... " ดูก่อนโพธิอำมาตย์ผู้เจริญ

ท่านจงละชีวิตของท่านเสียเถิด

อย่ากระทำอาลัยในชีวิตอยู่เลย

อันว่าปัจจัยทานของท่านมีประการใด

ท่านจงให้ทานยังน้ำจิตให้เลื่อมใสในพระตถาคตเถิด "

... อันว่าเครื่องปัจจัยทานของโพธิอำมาตย์นั้น

... ราชบุรุษทั้งหลายเอามาวางไว้ตรงหน้าแห่งโพธิอำมาตย์ ด้วยเดชะพุทธานุภาพ

... โพธิอำมาตย์ได้สดับฟังพระพุทธฎีกาดังนั้น ก็บังเกิดมีจิตโสมนัสหาที่จะอุปมามิได้

... ก็ถือเอาเครื่องปัจจัยทานของอาตมาส่วนหนึ่ง ของภรรยาส่วนหนึ่ง

... ถวายแก่สมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วกราบทูลว่า


... " ข้าแต่พระองค์เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตวโลกทั้งหลาย

อันว่าชีวิตข้าพระบาทเสียสละแล้ว

ด้วยเดชะผลทานของข้าพระพุทธเจ้าในกาลบัดนี้

ขอให้ได้บังเกิดเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า

เห็นปานดังพระองค์ ในอนาคตกาลโน้นเถิด "

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... โพธิอำมาตย์กระทำปณิธานความปรารถนาดังนั้น

... สมเด็จพระภควันตบพิตรผู้ประเสริฐ ทรงพระอนุเคราะห์

... ยื่นพระหัตถ์ไปปรามาสเหนือศีรษะแห่งโพธิอำมาตย์ แล้วมีพระพุทธฎีกาว่า


... ตัวท่านยังความสุขเป็นอันมากให้บังเกิดแก่ตน

จะได้พ้นจากวัฏฏทุกข์ในสงสาร

ท่านปรารถนาประการใด

ความปรารถนานั้นจงพลันสำเร็จแก่ท่านเถิด

ดูก่อนโพธิอำมาตย์ผู้เจริญเอ๋ย

ในอนาคตเบื้องหน้าโน้น

ท่านจะได้บังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

สมดังความปรารถนาของท่าน "

... ทรงพยากรณ์ทำนายโพธิอำมาตย์แล้ว ก็เสด็จกลับยังเชตวันมหาวิหาร

... กระทำภัตตกิจซึ่งปัจจัยทานบิณฑบาต ที่โพธิอำมาตย์ถวายสำเร็จแล้ว

... ขณะนั้นนายเพชฌฆาตก็ตัดศีรษะโพธิอำมาตย์ผู้เป็นเจ้าของทาน ขาดตกลงกระเด็นไปจากกาย

... โพธิอำมาตย์กระทำกาลกิริยาตาย มหาปฐพีอันใหญ่ก็ไหวหวาดเป็นมหัศจรรย์โกลาหล

... ครั้งนั้น เศวตฉัตรแห่งสมเด็จพระเจ้ากิงกิสสราชก็หักทบลง

... พระองค์เห็นเศวตฉัตรหักก็ประหลาดพระทัยนัก ให้สะดุ้งพระทัยไหวหวั่น สั่งให้ปิดประตูพระทวารให้มั่น

... ลำดับนั้น อันว่าทิพย์วิมานทอง อันประกอบไปด้วยนางเทพอัปสรสาวสวรรค์ประมาณพันนาง

... ก็บังเกิดผุดขึ้นมาในสุสานประเทศ ที่กระทำกาลกิริยาตายแห่งโพธิอำมาตย์นั้น

... กับขุมทองทั้งหลาย ๑๖ ขุม และไม้กัลปพฤกษ์ด้วยต้นหนึ่ง

... ประกอบไปด้วยสรรพสิ่งสาระพันต่างๆ บังเกิดขึ้นในที่นั้น

... อันว่าบุตร ภรรยา โพธิอำมาตย์นั้น ก็ได้อาศัยอยู่ในวิมานทอง ได้บริโภคซึ่งขุมทอง และไม้กัลปพฤกษ์ประพฤติเลี้ยงชีวิตสืบมา

... ถ้วนถึง ๕๐๐ ปีเป็นกำหนด ฝ่ายโพธิอำมาตย์ก็ได้ขึ้นไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติด้วยเดชะผลทานนั้น


ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ถึงกระนั้น พ่อขุนแผนเมืองฟ้าก็ได้ล่าช้า มิได้ฉับพลันเหมือนท่านอื่นๆ

... จึงชื่อว่ายังไม่พร้อมด้วยองค์คุณ

... ซึ่งกรรมบันดาลให้เป็นไปอย่างนั้น จึงพร้อมทุกประการไม่ได้

... ครั้นตระเตรียมพร้อมแล้ว จึงสละทั้งราชอาณาจักร และราชสมบัติ

... ถือผนวชครองขาวแล้ว จึงเสด็จดำเนินไปถึงพระมหาวิหาร ได้เข้าเฝ้าและอาราธนาให้แสดงธรรมว่า
     
... " พระองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ

ข้าพระองค์ได้สละราชสมบัติบุตรภรรยา

ยศสมบัติครองเรือนทุกประการ

เพื่อสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคต

ขอพระองค์ได้โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์เถิด "
     
... พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

     
... " น้องเราผู้พุทธางกูร ตถาคตรออยู่ ๑๑,๐๐๐ ปีแล้ว

หากกรรมบันดาลให้เป็นไป

จึงมีเหตุให้เป็นไปอย่างนี้

จึงไม่มีองค์คุณยอดสุด คือ

พระอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติไม่มีในกาลนี้

และในการเช่นนี้ ผู้เป็นนิยตบรมโพธิสัตว์แล้ว

จึงยังไม่ลุถึงองค์คุณยอดสูงสุด

น้องเราได้อธิษฐานสำเร็จเป็นเพศดาบสผนวชแล้ว

ได้เจริญฌานสมาบัติให้เกิดขึ้นแล้ว

จงอุปสมบทเป็นภิกขุในธรรมวินัยนี้

แล้วจงประพฤติวิสุทธิธรรมให้บริสุทธิ์

จะเป็นอุปนิสัยให้ลุถึงองค์คุณยอดสูงสุดนั้นพร้อมสมบูรณ์ 
     
ในกาลว่างพระศาสนาระหว่างพุทธันดรนี้

กับพุทธันดรพระโคดมสัมมาสัมพุทธองค์

ในกาลนั้น น้องเราจะได้เกิดเป็นนันทมาณพพาณิช

เป็นพ่อค้าได้เที่ยวค้าขายได้ผลกำไร เป็นทรัพย์สมบัติมากแล้ว

และยังเที่ยวค้าขายอยู่นั้น มีพระปัจเจกพุทธองค์ ๕๐๐ องค์

องค์หนึ่งได้ออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว คิดว่าจะไปโปรด

จึงได้เดินเที่ยวบิณฑบาตมาตามทางนั้น
     
ซึ่งนันทมาณพได้เห็นแล้วเกิดความเลื่อมใสขึ้น

จึงยกผ้ากัมพลแดงผืนหนึ่งกับทองแสนตำลึง

กระทำเป็นเครื่องไทยทานถวายแล้วจึงได้ตั้งปรารถนาโพธิญาณ

พระปัจเจกพุทธองค์จะอนุโมทนา

ทั้งจะมีกุมารีสาวคนหนึ่ง จะถวายผ้าห่มแล้วปรารถนาร่วมด้วย

ครั้งนั้น น้องเราจะได้ผลองค์คุณยอดสูงสุดครบบริบูรณ์
     
บัดนี้ กาลยังไม่พร้อม จงบวชเป็นภิกขุเถิด "

... จึงตรัสให้เป็นเอหิอุปสมบทเป็นเอหิภิกขุแล้ว

... ได้กระทำความเพียรทางวิสุทธิธรรม๗ (พระกัมมัฏฐาน ๔๐ กอง พระสติปัฏฐาน ๔ และพระวิปัสสนาญาณ ๙)

... ครั้นถึงสัจจานุโลกมิกญาณก็หยุดยั้งอยู่แค่นั้น

... เมื่อโชติปาลมาณพผู้มหาสัตว์(สมเด็จองค์พระปัจจุบัน)บวชแล้ว ก็ได้ดำเนินธรรมปฏิบัติร่วมกัน

... ถึงอายุขัยแล้วต่างก็ไปเกิดตามคติวิสัยชั้นดุสิตภพ

... ในสมัยพุทธกาล พ่อขุนแผนเมืองฟ้าได้เกิดเป็นโตเทยยะพราหมณ์ อาศัยที่เกิดในหมู่คนพาล ทำให้เป็นคนตระหนี่ ไม่ให้ทาน รักษาศีล ไม่มีความเคารพในพระรัตนตรัย เห็นองค์พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ก็ไม่ไหว้

... เมื่อตายจากโตเทยยะพราหมณ์แล้ว ไปเกิดเป็นหมาดำ ในบ้านลูกชาย คือ สุภพราหมณ์ซึ่งปรารถนาพระโพธิญาณเหมือนกัน พระพุทธเจ้าจึงเรียกสุภพราหมณ์มาหา เพื่อจะอนุเคราะห์แก่โตเทยยะพราหมณ์



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 08, 2014, 09:09:37 PM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
อรรถกถา ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค สุภสูตร

... มีเรื่องเล่าว่า ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี มีบ้านชื่อตุทิคาม เพราะเขาเป็นคนใหญ่โตในบ้านตุทิคาม จึงมีชื่อว่า โตเทยยะ

... เขามีทรัพย์สมบัติประมาณ ๔๕ โกฏิ แต่เขาเป็นคนตระหนี่เป็นอย่างยิ่ง เขาคิดว่า

... " ชื่อว่าความไม่สิ้นเปลืองแห่งโภคสมบัติ ย่อมไม่มีแก่ผู้ให้ "

... แล้วเขาก็ไม่ให้อะไรแก่ใครๆ เขาสอนบุตรว่า

... " คนฉลาดควรดูความสิ้นไปของยาหยอดตา การก่อจอมปลวก การสะสมน้ำผึ้ง แล้วพึงครองเรือน "
               
... เมื่อเขาให้บุตรสำเหนียกถึงการไม่ให้อย่างนี้แล้ว

... ครั้นตายไปก็ไปเกิดเป็นสุนัขอยู่ที่เรือนหลังนั้นเอง

... สุภมาณพผู้เป็นบุตร รักสุนัขนั้นมาก ให้กินอาหารเหมือนกับตน อุ้มนอนบนที่นอนอย่างดี
               
... ครั้นวันหนึ่ง เมื่อสุภมาณพออกจากบ้านไป พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาต ณ เรือนหลังนั้น สุนัขเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเห่า เดินเข้าไปใกล้พระองค์

... พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะสุนัขนั้นว่า

... " ดูก่อนโตเทยยะ แม้เมื่อก่อนเจ้าก็กล่าวหมิ่นเราว่าแน่ะท่าน แน่ะท่าน ดังนี้ จึงเกิดเป็นสุนัข

... แม้บัดนี้เจ้าก็ยังเห่าเรา จักไปอเวจีมหานรก "
               
... สุนัขฟังดังนั้นมีความเดือดร้อน จึงนอนบนขี้เถ้าระหว่างเตาไฟ

... พวกมนุษย์ไม่สามารถจะอุ้มไปให้นอนบนที่นอนได้

... สุภมาณพกลับมาถึงถามว่า

... " ใครนำสุนัขนี้ลงจากที่นอน "

... พวกมนุษย์ต่างบอกว่า

... " ไม่มีใครดอก "

... แล้วเล่าเรื่องราวให้ฟัง
               
... สุภมาณพได้ฟังแล้วโกรธว่า

... " บิดาของเราบังเกิดในพรหมโลก แต่พระสมณโคดมหาว่า บิดาของเราเป็นสุนัข ท่านนี่พูดอะไร ปากเสีย "

... ใคร่จะท้วงติงพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าพูดเท็จจึงไปยังวิหาร ถามเรื่องราวกะพระองค์
               
... พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสแก่สุภมาณพเหมือนอย่างนั้น แล้วตรัสความจริงว่า

... " ดูก่อนสุภมาณพ ทรัพย์ที่บิดาของเจ้ายังไม่ได้บอกมีอีกไหม "
               
... สุภมาณพทูลว่า

... " พระโคดม หมวกทองคำมีค่าหนึ่งแสน รองเท้าทองคำมีค่าหนึ่งแสน ถาดทองคำมีค่าหนึ่งแสน กหาปณะหนึ่งแสนมีอยู่ "

... พระโคดมตรัสว่า

... " เจ้าจงไปให้สุนัขบริโภคข้าวมธุปายาสมีน้ำน้อย แล้วอุ้มไปนอนบนที่นอน พอได้เวลาสุนัขหลับไปหน่อยหนึ่ง

... จงถามดู สุนัขจักบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่เจ้า ทีนั้นแหละ เจ้าก็จะรู้ว่าสุนัขนั้นคือบิดาของเรา "

... สุภมาณพได้กระทำตามนั้น. สุนัขบอกหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เขารู้แน่ว่าสุนัขนั้นคือบิดาของเรา

... จึงเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ไปทูลถามปัญหา ๑๔ ข้อกะพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจบปัญหา

... เขาขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสรณะ