เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: ความเกี่ยวข้องกันในการสร้างพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์  (อ่าน 86842 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ครั้นถึงกึ่งกลางมรรคาหนทางแล้ว พระอมรินทราธิราชกับพระนางสุชาดาผู้เป็นอัครมเหสีนั้น นำเอาโภชนาหารอันเป็นทิพย์กับทั้งน้ำทิพย์ลงมา จำแลงแปลงเพศเป็นบุรุษยืนอยู่ตรงหน้ารถแล้วร้องว่า 
     
... " ดูก่อนนายสารถีผู้เจริญเอ๋ย ท่านอยากข้าวน้ำโภชนาหารหรือเราจะให้ "   
     
... เมื่อท้าวโกสีย์สักกะเทวราชกับพระนางสุชาดากล่าวดังนั้น สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าซึ่งแปลงเพศเป็นนายสารถีขับรถจึงว่า 
     
... " มาณพผู้เจริญ บุรุษทุพพลภาพผู้หนึ่งมาในรถด้วยเรา มีความลำบากเวทนานัก ท่านจะให้ข้าวน้ำโภชนาหารแก่เราก็ให้เถิด เราจะได้ให้แก่บุรุษทุพพลภาพนั้นบริโภค "   
     
... ท้าวโกสีย์อมรินทราธิราชกับพระนางสุชาดาผู้มเหสี ก็ถวายข้าวน้ำโภชนาหารอันเป็นทิพย์แก่สมเด็จพระมหาบุรุษสัทธรรมสารถีผู้ประเสริฐ  พระองค์ก็ประทานให้แก่พระบรมโพธิสัตว์บรมสังขจักรเสวยข้าวน้ำโภชนาหารอันเป็นทิพย์
     
... ครั้นพระองค์เสวยอิ่มหนำสำเร็จแล้ว ด้วยเดชะข้าวน้ำโภชนาหารอันเป็นทิพย์อุปัทวะโทมนัสทุกขเวทนาในสรีระกาย ก็อันตรธานหายพระองค์ก็มีพระสรีระกายเป็นสุขเสมอเหมือนแต่ก่อน   

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... สมเด็จพุทธสิริมิตตสัพพัญญูเจ้า ก็พาพระยาบรมสังขจักรไปใกล้บุพพารามมหาวิหารแล้ว

... พระองค์ก็ทรงนิสีทนาการนั่งบนพระบวรพุทธอาสน์ในพระวิหาร

... ส่วนสมเด็จพระโพธิสัตว์เจ้าก็เสด็จลงจากรถเข้าสู่บุพพารามมหาวิหาร

... ทอดพระเนตรไปได้ทัศนาการเห็นองค์สมเด็จพระสิริมิตตบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบไปด้วยทวัตติงสมหาปุริสลักษณะแลอสีตยานุพยัญชนะประดับ ทั้งพระพุทธรัศมีอันโอภาสสว่างรุ่งเรืองออกจากพระบวรกาย อันเสด็จทรงประทับนั่งอยู่ในที่นั้น พระองค์ก็ทรงวิสัญญีภาพสลบลงตรงพระพักตร์แห่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความโสมนัส เกิดความปีติยินดีหาที่สุดมิได้ ส่วนสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้า จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า 
     
... " ดูก่อนมหาราชผู้เป็นอภิชาตชายอันประเสริฐ พระตถาคตเจ้าเสด็จอยู่ในที่นี้แล้ว "   
     
... ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมสังขจักร ก็ได้ซึ่งความยินดีชื่นชมก้มเศียรเกล้า คลานเข้าไปในสำนักสมเด็จพระสิริมิตตพุทธองค์ เสด็จประทับนั่งยังที่อันสมควร แล้วจึงยกพระกรขึ้นประณมบังคมเหนือศิโรตม์ กระทำอภิวาทนมัสการกราบทูลว่า 
     
... " ภนฺเต ภควา ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ บัดนี้ข้าพระบาทมาถึงสำนักพระองค์แล้ว ขอจงทรงพระกรุณาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้า โปรดตรัสพระสัทธรรมเทศนาอันอุดมให้ข้าพระบาทฟังในกาลบัดนี้ "
     
... สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า 
     
... " ดูก่อนมหาบพิตรผู้ประเสริฐ จงตั้งโสตประสาทสดับรับรสพระสัทธรรมเทศนาของตถาคตแล้ว พิจารณาธรรมกถาอันกล่าวในคุณแห่งพระนิพพาน ในบัดนี้ "

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ปางนั้นสมเด็จพระชินสีห์ จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนาโปรดแก่พระยาสังขจักร เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระสัทธรรมเทศนาบทหนึ่งสิ้นเนื้อความลงแล้ว  ก็ทูลห้ามสมเด็จพระประทีปแก้วว่า 
     
... " ขอองค์พระพุทธเจ้าจงหยุดตรัสพระสัทธรรมเทศนาเสียเถิด  อย่าทรงสำแดงต่อไปเลย "
     
... มีปุจฉาว่าเหตุไฉนพระเจ้าสังขจักรจึงทูลห้ามสมเด็จพระพุทธเจ้าเสียดังนี้  เดิมทีสิมีพระทัยผูกพันในพระพุทธศาสนาระลึกถึงซึ่งคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า เป็นอันมาก สู้ทรงสละสิริราชสมบัติบรมจักร  เสด็จมาด้วยความยากลำบากแทบถึงซึ่งชีวิต ครั้นมาประสบพบสมเด็จพระภควันตบพิตรเจ้า พระองค์ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนาแล้วห้ามเสียด้วยเหตุประการใด
     
... วิสัชนาว่า สมเด็จบรมสังขจักรหน่อพระพุทธางกูรทรงคิดเห็นว่า
     
... " ถ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาเป็นอันมาก  แล้วพระองค์ก็เสด็จมาแต่พระองค์เดียวเปลี่ยวพระทัยนัก จะหาเครื่องไทยธรรมอันสมควร ที่จะสักการะบูชาให้สมควรแก่รสพระสัทธรรมเทศนานั้นหามีไม่ บัดนี้เราได้สดับรสพระสัทธรรมเทศนาแต่บทเดียว เครื่องสักการะบูชาของอาตมานี้มิสมควรแก่พระสัทธรรมแล้ว " 

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... พระองค์คิดดังนี้จึงทูลห้ามสมเด็จพระพุทธเจ้าเสียพระองค์จึงกราบทูลว่า   

... " ข้าพระพุทธเจ้าเกล้ากระหม่อมฉัน ได้สดับพระสัทธรรมของพระองค์ในกาลบัดนี้ พระองค์ทรงพระกรุณาตรัสพระสัทธรรมเทศนาสำแดงคุณแห่งพระนิพพานบทเดียว ก็เป็นที่สุดพระสัทธรรมเทศนาอยู่แล้ว

... ข้าพระพุทธเจ้าขอตัดเศียรเกล้าอันเป็นที่สุดสรีระกายแห่งข้าพระพุทธเจ้า ออกกระทำสักการะบูชาพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก่อน " 
     
... ตรัสดังนั้นแล้ว พระเจ้าสังขจักรผู้มีอัธยาศัยอันยิ่ง จึงทรงอธิษฐานขอให้เล็บของพระองค์คมดุจดังพระแสงดาบเด็ดซึ่งพระศอให้ขาด แล้ววางไว้บนฝ่าพระหัตถ์ ตั้งปณิธานความปรารถนาออกพระโอษฐ์ตรัสด้วยวาจาว่า
     
... " ภนฺเต ภควา ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงสิริเป็นที่เฉลิมโลก เชิญพระองค์เสด็จเข้าสู่เมืองแก้วอันเกษมสานต์ คือ พระอมตะมหานิพพาน อันสำราญก่อนข้าพระบาทเถิด
     
... ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จไปสู่พระนิพพานอันสำราญต่อภายหลัง ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายเศียรเกล้าบูชาพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ในกาลบัดนี้ ขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพระพุทธเจ้าได้สำเร็จแก่พระโพธิญาณในกาลเบื้องหน้าด้วยเถิด "

     
... ในที่สุดขาดพระวาจาปณิธานปรารถนาลง พระบรมโพธิสัตว์ก็สิ้นชีวิตไปจุติบังเกิดในดุสิตเทวโลก


ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยเจ้าได้ตรัสเป็นสมเด็จพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงมีพระองค์สูงได้ ๘๐ ศอก ด้วยผลทานที่เด็ดพระเศียรเกล้ากระทำสักการบูชาพระสัทธรรม

... พระองค์ทรงพระรัศมีสิ้นทั้งกลางวันและกลางคืนมิได้ขาดนั้น ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์อุตสาหะไปในมรรคาหนทาง ปรารถนาจะพบเห็นพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตไหลออกจากพระบาท พระชงฆ์ พระหัตถ์ และพระอุระของพระองค์ เมื่อเป็นพระบรมสังขจักรนั้น
     
... อนึ่ง พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปถึงอเวจีมหานรก ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์เด็ดเศียรเกล้าออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรมโลหิตไหลออกจากพระเศียร 
     
... อนึ่ง ในศาสนาของสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ในทุกที่ทุกสถานในโลก ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงเสด็จไปตามมรรคหนทางจะใคร่พบองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า ถ้วนถึงเจ็ดวันเป็นกำหนดจึงได้ประสบพบปะ
     
... ดูก่อนสารีบุตร ผู้เป็นธรรมเสนาบดีของตถาคต ฝูงคนทั้งหลายที่มิได้เห็นรูปกายของตถาคตนี้ แล้วได้กระทำการให้ทาน(สังฆทาน ทอดกฐิน วิหารทาน ธรรมทาน และสาธารณประโยชน์ ตลอดจนรักษาศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ จำเริญภาวนา ทำมากไม่ได้แค่หัวถึงหมอน ให้ดูลมหายใจเข้าพร้อมภาวนาว่า พุท ดูลมหายใจออกพร้อมภาวนาว่า โธ จนหลับไป ตื่นนอนก็ภาวนาอีกสัก ๙ จบ ทำทุกวัน) ด้วยเดชะผลานิสงส์ ฝูงคนทั้งหลายเหล่านั้น จะเกิดทันพระศาสนาของสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า อันจะมาตรัสเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในอนาคต ฯ. 

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... พระศรีอาริยเมตไตรย ในสมัยพระพุทธเจ้าท่านบวชเป็นพระมีนามว่า อชิตะภิกขุ เดิมทีท่านเป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์พาวรี ท่านไปบวชเพื่อสร้างเสริมบารมี

... ต่อมาเมื่อ พระนางกีสาโคตมี ได้ทอจีวรด้วยมือของตนเองปรารถนาจะถวายพระพุทธเจ้า เมื่อเวลาพระนางไปถวาย พระพุทธเจ้าเรียกพระมาหมด นั่งเรียงแถวกันตามลำดับอาวุโสและคุณสมบัติ

... เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายผ้าแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ส่งให้พระสารีบุตร ท่านพระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคัลลาน์  ท่านพระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อๆ กันไปหมดจนถึงองค์สุดท้ายคือท่านอชิตะภิกขุ ท่านไม่รู้จะส่งให้ใครเพราะนั่งอยู่ท้ายสุด เป็นอันว่าท่านก็รับไว้

... พระนางกีสาโคตมีก็เสียใจว่า อุตสาห์ทำเองเลือกด้ายชั้นดีมาทอกับมือเองเพื่อถวายพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ไม่รับกลับไปให้กับพระที่ไม่ได้แม้แต่ฌานสมาบัติมากมายอะไรนัก คือว่ายังเป็นพระปุถุชนคนธรรมดา

... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบอัธยาศัยจึงเทศนาโปรดว่า

... " พระองค์สุดท้ายไม่ใช่พระธรรมดา ท่านอชิตะภิกขุผู้นี้ต่อไปข้างหน้าจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มีพระนามว่า สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย "

... ปัจจุบันนี้ ท่านมาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต วิมานท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมีรัศมีกายสว่างมาก หน้าตาผ่องใสยิ้มระรื่นน่าชื่นใจ ท่านได้บอกกับอาตมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ ว่า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อีก ๑ ล้านกับ ๒ ปี ท่านจะลงมาเกิดในเมืองมนุษย์แล้วเป็นปุโรหิต หลังจากนั้นเกิดความเบื่อหน่ายก็ออกแสวงหาพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าจะเทียบพื้นที่ในสมัยนี้ พระองค์จะตรัสทางทิศเหนือของพม่า แต่ตามตำราเขาไม่ได้เขียนไว้


จากหนังสือตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ถามว่าแนะนำแล้วทุกอย่าง แต่ว่าไม่รู้ข้อเจาะจง ให้เจาะจงไปว่าทำบุญอย่างไรจึงจะทันศาสนาพระศรีอาริย์
     
... ( นี่สำหรับคนมีบารมีอ่อนนะ คนมีบารมีเข้มให้ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าคนบารมีอ่อนตั้งใจไปนิพพานชาติพระศรีอาริย์ หรือวางแผนไว้ ๒ อย่างก็ได้ว่า ตั้งใจไปนิพพานชาตินี้ ถ้าพลาดชาตินี้ ขอให้ได้นิพพานสมัยพระศรีอาริย์ฯ ก็ได้)
     
... ท่านบอกว่า ให้ทุกคนที่ต้องการเกิดทันสมัยผมให้หมั่นให้ทาน โดยเฉพาะสังฆทาน วิหารทาน ทอดกฐิน และธรรมทาน

... (ความจริงถ้าเป็นนักบุญที่เนื่องในการให้ทานจริงๆ ทำบุญให้ทานในเขตทานที่ให้ผลมาก ไม่ต้องทำคราวละมากๆ ทำน้อยๆ พอไม่เดือดร้อน แต่ให้ทำบ่อยๆ ให้ติดต่อกันเป็นประจำ เช่น  การถวายสังฆทานเป็นปกติ สังฆทานก็ไม่ต้องลงทุนมาก ใส่บาตรวันละองค์สององค์ หรือเอาข้าวเปลือกข้าวสารใส่ที่เก็บเล็กๆ ไว้วันละนิดหน่อย ตั้งใจไว้ว่า “ ข้าวที่เก็บไว้นี้เราจะรวมไว้ เมื่อมีมากพอสมควรจะเอาไปถวายเป็นอาหารของพระ อย่างนี้เรียกว่าถวายสังฆทาน ”  ทำอย่างนี้เสมอๆ ทุกๆ วันเช้าเย็น)
     
... ให้รักษาศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ เป็นปกติทุกวัน ไม่คลาดเคลื่อนอยู่อย่างนี้เป็นอุฆฏิตัญญู ไปเกิดในสมัยผมฟังเทศน์แค่หัวข้อเล็กๆ สั้นๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที 
     
... ถ้าบางท่านปฏิบัติอ่อนกว่านั้นรักษากรรมบถ ๑๐ได้เหมือนกันศีลห้าก็ครบ แต่ว่าบางทีมีอาการเผลอเล็กน้อย อย่างนี้เป็นวิปจิตัญญูหมายความว่า ไปเกิดในสมัยผม เทศน์หัวข้อฟังไม่เข้าใจต้องอธิบายเล็กน้อยจึงบรรลุอรหันต์ 
     
... บางท่านที่มีบารมีอ่อนกว่านั้น วันธรรมดาๆ อาจจะบกพร่องบ้างเป็นของธรรมดา แต่สำหรับวันพระต้องรักษาให้ครบถ้วนทั้งศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ หมายความตามธรรมดาคนเรามีอาชีพต่างกัน บางคนปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ต้องฉีดยาฆ่าเพลี้ยฆ่าสัตว์ที่มารบกวนพืชพันธุ์ธัญญาหารบ้าง บางคนมีอาชีพไปในทางการประมง ต้องทำการประมงฆ่าปลาฆ่าสัตว์บ้าง ถ้าอย่างนี้ถือว่าวันธรรมดาบกพร่องได้ แต่วันพระต้องครบถ้วนบริบูรณ์ อย่างนี้เกิดในสมัยผมเขาเรียกว่าเนยยะ เทศน์ครั้งเดียวสองครั้งไม่มีผล ต้องฟังเทศน์หลายๆ หนจึงสามารถเป็นพระอริยเจ้าได้
     
... เอาละ  บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ท่านทั้งหลายมานั่งอยู่กันที่ตรงนี้และฟังเทศน์แล้ว เรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรย ถ้าจะว่ากันไปก็คงไม่แตกต่างกับเรื่องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าทุกท่านรักษา ศีล ๕ ครบถ้วน กรรมบถ ๑๐ ครบถ้วน ที่มีบารมีเข้มข้นสามารถจะไปนิพพานได้ในชาตินี้
     
... ถ้าบังเอิญชาตินี้พลาดไปนิพพาน ไปเกิดเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี หรือพรหมก็ตาม อีกไม่นานนักพระศรีอาริย์ก็ตรัส เราก็ฟังเทศน์ จากพระศรีอาริย์ภายในไม่ช้าก็บรรลุอรหันต์สามารถไปนิพพานได้ ฯ.
     
... ในขณะนั้น ท่านเรียก พระศรีอาริย์ฯมา พระศรีอาริย์ฯท่านมีความต้องการให้คนที่มีความต้องการจะเกิดในสมัยท่าน ได้ฟังเทศน์จบเดียวก็เป็นพระอรหันต์ พระศรีอาริย์ฯท่านตรัสว่า
   
... คนที่ต้องการไปเกิดในสมัยผม ขอให้ปฏิบัติตามดังนี้ คือ

... ๑. ตั้งใจรักษาศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ให้ครบถ้วนเสมอ ถ้ารักษาครบทุกวันไม่ได้ วันอื่นอาจจะบกพร่องบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่ทุกวันพระต้องรักษาให้ครบ ทั้งศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐

... ๒. จงหมั่นให้ทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ สังฆทาน ถ้าจนมากมีทรัพย์น้อย ก็จัดอาหารหรือผลไม้ผลสองผลถวายพระที่มีตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ก็เป็นสังฆทาน มีอานิสงส์มาก

... ๓. จงเจริญภาวนาเสมอๆ ถ้าทำไม่ได้มาก เมื่อศีรษะถึงหมอน ก็ให้ภาวนา หายใจเข้าว่า “ พุท ”  หายใจออกว่า “ โธ ”  สักเล็กน้อยแล้วหลับไป

     
... เพียงเท่านี้ เขาจะเกิดทันในยุคสมัยผมตรัสเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ”