หมวดหลัก > พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี

พระอดีตวงศ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้มาตรัสรู้ในอดีตกาล

<< < (5/10) > >>

Webmaster:
พระสุชาตะพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระสุเมธะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุชาตะพุทธเจ้า ซึ่งอุบัติขึ้นในมัณฑกัปเดียวกัน
พระสุชาตะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสุชาตะราชกุมาร ในวงศ์กษัตริย์แห่งสุมงคลนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอุคคตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางปภาวดี
สุชาตะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สิรีปราสาท อุปสิรีปราสาท และสิรินันทะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สิรินันทาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๓,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง พระสุชาตะทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อพระนางสิรินันทาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า อุปเสนกุมาร จึงได้เสด็จทรงม้าหังสวหังออกบรรพชา โดยมีผู้ออกบรรพชาตาม ๑ โกฏิ
สุชาตะราชุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่ในพระราชอุทยานเป็นเวลา ๙ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากธิดาของสิรินันทนเศรษฐี แห่งสิรินันทนนคร และรับหญ้า ๘ กำจากสุนันทะอาชีวก ปูลาดใต้ต้นเวฬุ (ต้นไผ่) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น
พระสุชาตะพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระสุทัสสนกุมารพระอนุชา และเทวกุมารบุตรปุโรหิต พร้อมบริวาร ในราชอุทยานนั้นเอง

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระสุชาตะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๓,๗๐๐,๐๐๐
วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่พระเจ้าอุคคตะพุทธบิดา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๖,๐๐๐,๐๐๐

พระสุชาตะพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๖,๐๐๐,๐๐๐
ณ สุธรรมราชอุทยาน
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๕,๐๐๐,๐๐๐
ที่มาประชุมกันเพื่อรอรับเสด็จพระสุชาตะพุทธเจ้าเสด็จกลับจากดาวดึงส์
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๔๐๐,๐๐๐
ที่นำโดยพระสุทัสสนเถระ

พระสุชาตะพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระสุทัสสนะเถระ และพระสุเทวะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระนาคาเถรี และพระนาคสมาลาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระนารทะ

พระสุชาตะพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๕๐ ศอก มีพระรัศมีแผ่ไปได้โดยรอบไม่มีประมาณ เมื่อพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน ณ พระวิหารสิลาราม กรุงจันทวดี

Webmaster:
พระปิยทัสสีพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระสุชาตะพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๒๘,๒๐๐ กัป ถึงวรกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๓ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นปิยทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสุธัญญวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุทัตตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางจันทาเทวี
ปิยทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุนิมมละปราสาท วิมละปราสาท และคิริพรหาปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิมลาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง ปิยทัสสีราชกุมารทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อพระนางวิมลาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า กัญจนเวฬะกุมาร จึงได้เสด็จด้วยราชรถเทียมม้าออกบรรพชา โดยมีผู้ออกบรรพชาตาม ๑ โกฏิ
ปิยทัสสีราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรเป็นเวลา ๖ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากธิดาของวสภพราหมณ์ บ้านวรุณพราหมณ์ และรับหญ้า ๘ กำจากสุชาตะอาชีวก ปูลาดใต้ต้นกกุธะ (ต้นกุ่ม) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น
พระปิยทัสสีพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุแสนโกฏิที่ออกบวชตามพระองค์ ที่ราชอุทยานในกรุงอุสภวดี ทำให้พระภิกษุแสนโกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระปิยทัสสีพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมบรรเทาทิฏฐิแก่ท้าวสุทัสสนะเทวราช
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ ทรงปราบช้างตกมันโทณมุขะ
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๘๐,๐๐๐ โกฏิ

พระปิยทัสสีพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
มีพระปาลิตะ โอรสของพระราชาสุมงคลนคร กับพระสัพพทัสสิ
บุตรราชปุโรหิต เป็นประธาน
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
ณ สมาคมของท้าวสุทัสสนะเทวราช
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๘๐,๐๐๐ โกฏิ
ประชุมกันในคราวปราบช้างโทณมุขะ

พระปิยทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระปาลิตะเถระ และพระสัพพทัสสีเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระสุชาดาเถรี และพระธัมมทินนาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระโสภิตะ

พระปิยทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระรัศมีแผ่ไปโดยรอบไม่มีประมาณ เมื่อพระชนมายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน

Webmaster:
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระปิยทัสสีพุทธเจ้าล่วง จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้า บังเกิดในวรกัปเดียวกัน
พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นอัตถะทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งโสภณะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสาคระ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุทัสสนเทวี
อัตถะทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ อมรคิรีปราสาท สุรคิรีปราสาท และคิริวาหนะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิสาขาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง อัตถะทัสสีราชกุมารทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อพระนางวิสาขาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า เสละกุมารกุมาร จึงได้เสด็จด้วยม้าสุทัสสนะออกบรรพชา โดยมีผู้ออกบรรพชาตาม ๙ โกฏิ
อัตถะทัสสีราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่ในพระราชอุทยานเป็นเวลา ๘ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสที่มหาชนนำมาสังเวยนางนาคชื่อ สุจินธรา และรับหญ้า ๘ กำจากพระยานาคชื่อ มหารุจิ ปูลาดใต้ต้นจัมปกะ (ต้นจำปา) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น
พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุ ๙ โกฏิที่ออกบวชตามพระองค์ ที่ราชอุทยานในอโนมนคร ทำให้พระภิกษุ ๙ โกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมบนดาวดึงส์เทวโลกโปรดพุทธมารดา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่เทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่พระเจ้าสาคระพุทธบิดา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ

พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๙๘,๐๐๐ ณ สุจันทกนคร
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๘๘,๐๐๐ มีพระเสละเถระ ผู้เป็นพุทโธรสเป็นประธาน
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๗๗,๐๐๐

พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระสันตะเถระ และพระอุปสันตะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระธัมมาเถรี และพระสุธัมมาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระอภยะ

พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระรัศมีแผ่ไปโดยรอบโยชน์หนึ่ง เมื่อพระชนมายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน

Webmaster:
พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า อุบัติเป็นองค์สุดท้ายในวรกัปนั้น
พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นธรรมทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสรณะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสรณะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุนันทาเทวี
ธรรมทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๘,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ อรชะปราสาท วิรชะปราสาท และสุทัสสนะปราสาททรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิจิโกฬิเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๒๐,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง ธรรมทัสสีราชกุมารทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อพระนางวิจิโกฬิเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า ปุญญวัฒนะกุมาร จึงได้ดำริว่าจะออกบรรพชา สุทัสสนะปราสาทจึงลอยเลื่อนไปส่งพระองค์ที่ต้นรัตตกุรวกะ (ต้นมะกล่ำทอง) โดยมีผู้ออกบรรพชาตามจำนวน ๑ แสนโกฏิ
ธรรมทัสสีราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่เป็นเวลา ๗ วัน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากพระนางวิจิโกฬิเทวี และรับหญ้า ๘ กำจากคนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อสิริวัฒนะ ปูลาดใต้ต้นพิมพิชาละ (ต้นมะพลับ) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น
พระธรรมทัสสีพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุแสนโกฏิที่ออกบวชตามพระองค์ ที่ป่าอิสิปตนะมิคทายวัน ทำให้พระภิกษุแสนโกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระธรรมทัสสีพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมแก่สัญชัยดาบส
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่ท้าวสักกเทวราช
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๘๐ โกฏิ

พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ณ กรุงสรณะ
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐ โกฏิ
ประชุมกันในคราวรอรับเสด็จพระธรรมทัสสีพุทธเจ้าเสด็จกลับจากดาวดึงส์
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๘๐ โกฏิ
ณ สุทัสสนาราม

พระธรรมทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระปทุมะเถระ และพระปุสสเทวะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระเขมาเถรี และพระสัจจนามาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระสุเนตตะเป็น

พระธรรมทัสสีพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก เมื่อพระชนมายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน ณ พระวิหารเกสาราม กรุงสาลวดี

Webmaster:
พระสิทธัตถะพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระธรรมทัสสีพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๑,๗๐๖ กัป จึงเกิดสารกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๑ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระสิทธัตถะพุทธเจ้า
พระสิทธัตถะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งเวภาระนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอุเทน และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุผัสสาเทวี
สิทธัตถะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ โกกาสะปราสาท อุปปละปราสาท และปทุมะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า โสมนัสสาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๘๔,๐๐๐ นาง
วันหนึ่ง สิทธัตถะราชกุมารทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา
เมื่อพระนางโสมนัสสาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า พระอนุปมกุมาร จึงได้เสด็จโดยพระวอทองออกบรรพชาในราชอุทยาน โดยมีผู้ออกบรรพชาตามจำนวน ๑ แสนโกฏิ
สิทธัตถะราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่เป็นเวลา ๑๐ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากสุเนตตาพราหมณี บ้านอสทิสพราหมณ์ และรับหญ้า ๘ กำจากคนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อ วรุณะ ปูลาดใต้ต้นกณิการะ (ต้นกรรณิการ์) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น
พระสิทธัตถะพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุแสนโกฏิที่ออกบวชตามพระองค์ ที่คยามิคทายวัน ทำให้พระภิกษุแสนโกฏินั้นสำเร็จเป็นพระอริยบุคล

พระสิทธัตถะพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมาภิสมัยให้บังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ
วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๒ แสดงธรรมในภีมรถนคร
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงธรรมแก่พระประยูรญาติในเภวาระนคร
ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๙๐ โกฏิ

พระสิทธัตถะพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐ โกฏิ
ณ อมรนคร
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๙๐ โกฏิ
ประชุมกันในสมาคมของพระญาติ ในเวภาระนคร
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๘๐ โกฏิ
ณ สุทัสสนวิหาร

พระสิทธัตถะพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ
พระอัครสาวก คือ พระสัมพละเถระ และพระสุมิตตะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระสีวลาเถรี และพระสุรามาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระเรวตะ

พระสิทธัตถะพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๖๐ ศอก เมื่อพระชนมายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพาน ณ อโนมราชอุทยาน กรุงกาญจนเวฬุ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version