เว็บพุทธภูมิ: พุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมี



ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธภูมิทั้งหลายมาแนะนำตัวและแลกเปลี่ยนการบำเพ็ญบารมีได้ที่นี้ครับ  (อ่าน 218571 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เวโรจน์

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 6
  • เพื่อปวงสัตว์
    • ดูรายละเอียด
อยากให้มีสถานที่นัดพบของเหล่าบรรดาพุทธภูมิ เพื่อจะได้ผนึกกำลังจรรโลงพระพุทธศาสนา  และร่วมกันบำเพ็ญความดี(นอกเหนือจากที่ทุกท่านทำเป็นกิจวัตรโดยส่วนตัวอยู่แล้ว) ตลอดจนจุดประสงค์ใดๆที่คนปรารถนาพุทธภูมิจะพึงกระทำร่วมกัน  มีท่านใดเห็นด้วยบ้างใหมครับ

ออฟไลน์ กิตติ

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับ หน่อพุทธภูมิและญาติธรรมทุกท่าน ดีใจมากที่มีเวบนี้ ได้แลกแปลี่ยนความรู้ได้เยอะมาก
เป้าหมายสูงสุดคือการรื้อขนสัตว์ออกจากสังสารวัฏ ไม่จำกัดประเภทการสร้างบารมีแบบใด
 เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพุทธภาวะเหมือนกัน
แต่ต่างกันที่สมมุติ เช่น อายุพระศาสนา พุทธรังสี จำนวนพระเอตทัคคะ เป็นต้น
.....ขอนอบน้อมพระนิยตโพธิสัตว์ ทั้ง 10 พระองค์ และไก่ตัวพี่ที่จะสำเร็จก่อน
........หน่อพุทธภูมิและญาติธรรมทุกท่าน สามารถเข้าไปติชม  หรือแสดงความคิดเห็นได้
ในเฟสบุคที่ผมดูแลเองครับ www.facebook.com/pages/ปัญญาธิกพุทธภูมิ/152345664844227?ref=hl
ถ้าผิดที่ใดแล้วตักเตือนจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

ออฟไลน์ ความจริงของความรู้สึก

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
สาธุ สาธุ บุคคลใดเมื่อดวงตาเห็นธรรม(เห็นสัจธรรม) จิตของบุคคลนั้นก็จะรู้ มองเห็นหนทางที่จะไปถึงฝั่งด้วยตนเอง หากจิตของบุคคลนั้น
พิจรณาดูให้ดี ถ้าขึ้นฝั่งได้ภายในชาตินี้มันจะมีอยู่สองเส้นทางหลัก "เส้นทางแรก"..จิตจะเกิดความเบื่อหน่าย มีความปรารถนาที่จะไปถึงฝั่งเพียงแค่องค์เดียว ไม่นำพาใครไปด้วยเพราะสิ่งที่ท่านรู้ ท่านนั้นรู้เพียงองค์เดียวไม่สามารถที่จะอธิบาย_สิ่งที่รู้ให้ใครนั้นเข้าใจได้ ท่านจึงละสังขารขึ้นฝั่งจากไปองค์เดียว   
"เส้นทางที่สอง"..จิตจะเกิดความเบื่อหน่าย แต่ในความเบื่อหน่ายนั้นมันจะเกิดความเมตตาในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จึงทำให้ท่านนั้นต้องศึกษาเส้นทาง เมื่อจิตรู้อะไร สติมันจะเตือนให้ตั้งคำถามและหาคำตอบในสิ่งที่จิตนั้นรู้อย่างละเอียดที่สุด ท่านจะปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเส้นทางจนกว่าท่านนั้นจะถึงฝั่ง เพื่อทำความเข้าใจในทุกขณะจิต ที่เก็บความรู้ ความเข้าใจนั้น เพราะมันจะเป็นหนทางที่จะช่วยให้คนอื่นนั้นถึงฝั่งด้วย ท่านจะช่วยผู้คน จนท่านนั้นละสังขารแล้วท่านก็ขึ้นฝั่งจากไป.. เหมือนที่พระอาจารย์มั่นท่านได้ปฏิบัติตลอดมา ทั้งสองเส้นทางนี้มันเป็นแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้ทางสั่งสอน ปรารถนาที่จะช่วยให้สัตว์โลกนั้นได้ขึ้นฝั่ง หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความทุกข์ทั้งปวง    แต่!มีบุคคลที่ดวงตาเห็นธรรม แล้วมองเห็นเส้นทางเล็กๆ แยกออกมาเป็นเส้นทางที่สาม และน้อยคนนักจะมองเห็น มันเป็นเส้นทางที่ไม่เหมือนเส้นทาง มันคือเส้นทางของบุคคลที่เห็นสัจธรรมแล้วจิตไม่เกิดความเบื่อหน่าย กลับมีความเมตตา สงสารมนุษย์และสรรพสัตว์ที่กำลังหลงทาง ยังคงวนเวียนอยู่ในความทุกข์,ความอยาก,ความเห็นแก่ตัว,เพื่อสนองความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด ยังไม่ปรารถนาที่จะขึ้นฝั่ง แต่ปรารถนาที่จะอยู่ช่วยสัตว์โลกให้ได้มากที่สุด ความเหนื่อย ความท้อคืออุปสรรคที่สำคัญ มันจะคอยเหนี่ยวรั้งจิตใจท่านนั้น ให้ก้าวเดินออกไปจากทางสายนี้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความเมตตา ความสงสารของท่านว่ามีมากเท่าไหร่ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ความเหนื่อย ความท้อนั้นจางหายไปเร็วมากขึ้นเท่านั้น เพราะเส้นทางนี้...หนทางมันยังอยู่อีกยาวไกลนัก
        ..."จิต"นั้นเปรียบเสมือน"เรือ"...
      ...เราต้องทิ้ง"เรือ"ก่อนที่จะขึ้นฝั่ง...

ออฟไลน์ ความจริงของความรู้สึก

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
สาธุ สาธุ ทุกสื่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องสมมุติ ถ้าสิ่งไหนมากระทบจนอายตนะนั้นสัมผัสได้ ก็ให้จิตแค่"รู้ตัว"ว่าอายตนะนั้นมันเกิดขึ้น เอาปัญญาเป็น"ตัวรู้"ว่าอย่าเอาใจไปยึดติด เอาสิ่งที่เกิดขึ้นวางมันไว้อยู่ข้างนอกอายตนะ ใช้ปัญญาดูความเปลี่ยนแปลงของมัน จะมีความรู้สึกเกิดขึ้นว่ามันไม่น่ายึดติดไม่อยากเก็บไว้ เพราะชีวิต,ธรรมชาติและทุกสรรพสิ่งมันคือการเปลี่ยนแปลง ในเมื่อสิ่งนั้นมีอยู่(ต้นไม้) อีกสิ่งหนึ่งก็ต้องมีอยู่(เปลือก,แก่นของต้นไม้) แล้วเวลาล่วงเลยผ่านไป(เกิดความเปลี่ยนแปลง) จนสิ่งนั้นไม่มีอยู่(ต้นไม้) อีกสิ่งหนึ่งก็ต้องไม่มีอยู่(เปลือก,แก่นของต้นไม้) สิ่งนั้นมีอยู่แล้วอีกสิ่งหนึ่งมีอยู่..ผมเรียกว่า"รูปธรรม" แล้วสิ่งไหนที่เกิดขึ้นอยู่(ความทุกข์) อีกสิ่งหนึ่งก็จะไม่เกิดขึ้นอยู่(ความสุข หรืออารมณ์อื่นๆ) ถ้าสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น(ความทุกข์) อีกสิ่งหนึ่งก็จะเกิดขึ้น(ความสุข หรืออารมณ์อื่นๆ) มันจะเกิดขึ้นพร้อมๆกันไม่ได้ ต้องรอให้สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไป อีกสิ่งหนึ่งถึงจะเกิดขึ้นมา..ผมเรียกว่า"นามธรรม" หากจิตใช้ปัญญาดูสิ่งไหนโดยที่สิ่งนั้นอยู่นอกอายตนะ จิตมันจะรู้และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ (เป็นความเข้าใจที่เกิดจากความรู้สึกไม่ใช่ความเข้าใจที่เกิดจากความคิดเพียงอย่างเดียว) เพราะว่าจิตนั้น"รู้ตัว"อยู่ตลอดเวลาเลยไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา จิตจึงเจริญด้วยปัญญาอย่างถูกต้องและยุติธรรม ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมันไม่มีความรู้สึกเข้าข้างตัวเรา ไม่มีความรู้สึกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้ปัญญาดูที่เหตุและผล อย่างเป็นกลาง เพราะความยุติธรรมมันก็จะเข้าข้าง...ความถูกต้องเสมอ...ถ้าหากผมกล่าวผิดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ...(จากสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่)
สาธุ สาธุ ผมยินดีมากที่ยังมีบุคคลที่แสวงหาพุทธภูมิ เพราะผมรู้สึกโดดเดี่ยวในเส้นทางสายนี้ เส้นทางที่ไปถึงฝั่งมันมีหลายเส้นทาง แต่ปลายทางก็คือนิพพาน ผมเป็นคนหนึ่งที่มีเส้นทางไม่เหมือนกับพระพุทธองค์ องค์ปัจจุบัน อาจจะเป็นธรรมะในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะพูดคุยกับบุคคลที่ปรารถนาหน่อพุทธภูมิทุกท่าน แฟสบุ๊คผม "ความจริงของความรู้สึก คัมภีร์เวตาล" หรือโทร 0840868717 หนุ่ม สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ watwaarram

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 3
    • ดูรายละเอียด
             สวัสดีครับ ผมก็เป็นหนึ่งในผู้ตั้งปรารถนาแห่งพุทธภูมิ ทีแรกคิดว่าตัวเองตั้งปรารถนาแบบปัญญาธิกะ แต่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าปรารถนาแบบศรัทธาธิกะครับ ถึงอย่างไรก็ขอรับสัจจะสัญญาจากท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิทั้งหลายครับ ถ้าผู้ใดถึงฝั่งดังปรารถนาแล้ว โปรดช่วยอนุเคราะห์กระผมให้สร้างบารมีต่อไปให้เต็มด้วยเถิดครับ หรือแม้ถ้ากระผมถึงฝั่งแห่งปรารถนาแล้ว ถ้าหากรำลึกถึงได้ กระผมก็จะช่วยท่านเหมือนกัน ขอท่านทั้งหลาย ที่เป็นหน่อแห่งพุทธวงค์อันประเสริญทั้งหลาย โปรดรับคำอราราธนาและคำปฏิญาของกระผมไวด้วยเทอญ

..วชิรมาณพ ผู้แสวงหาพระโพธิญาณ (ศรัทธาธิกะบารมี)

ออฟไลน์ tayu

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
ข้าพเจ้าจะสวดคาถาพระจักรพรรดิ10000จบถวายหลวงปู่ดู่และถวายแด่
1พระโพธิญาณ
2การเกิดของนิตยโพธิสัตว์
3พระรัตนตรัย
4อริยสัจ4
5พระปิติทั้ง5และพระพุทธเจ้า5พระองค์
6ญาณ16
7โพชงค์7
8มรรค8
9วิปัสสนาญาณ9
10ถวายแด่พระทศพลญาณในอดีจปัจจุบันและอนาคต
ขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยคับ

ออฟไลน์ Arthamaat

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 29
  • "พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
    • ดูรายละเอียด
อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ   ยังคิดถึงทุกๆท่านน่ะครับ
 

ออฟไลน์ คมเพชร

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับอนุโมทนทุกท่านนะครับ
ผมเเทบไม่ค่อยรู้อะไรเลยมีใครช่วยเเนะนำได้บ้างครับผม ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ lit134

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับ ผมชื่อ ชวลิต ครับ อยู่โคราชครับ ขออนุโมทนาบุญกับทีมงานเว็บพุทธภูมิครับ ที่ทำให้พุทธภูมิทุก ๆ ท่านได้เจอกัน สาธุๆครับ
และขออนุโมทนาบุญกับพุทธภูมิ ทุกๆ ท่าน ที่ได้บำเพ็ญบารมีมาอย่างยาวนาน

ใครผ่านมาโคราช แวะมานั่งคุย หาอะไรอร่อยทานกันได้ครับ
สาธุ

ออฟไลน์ Oatsil

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับผมชื่อโอ๊ท มีอะไรแนะนำด้วยนะครับ

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... สวัสดีครับทุกท่าน ผมชื่อ นัย เป็นคนจังหวัดเกินร้อยครับ หลายสิบปีก่อน ได้บวชอยู่ในสายวัดหนองป่าพง โดยปฏิบัติตามแนวทางของพ่อแม่ครูบาจารย์หลวงปู่ชา สุภัทโท หลวงปู่ปาน โสนันโท และหลวงปู่พระราชพรหมยานวัดท่าซุง ตอนนั้นผมบวชอยู่กับหลวงพ่อพัฒน์ อาจาโร วัดป่าวิเวกอาศรม ตอนนั้นจำได้ว่าเป็นกลางพรรษาปี พ.ศ.๒๕๔๓ ท่านหลวงพ่อให้ผมและพระอีกสององค์กล่าวคำปรารถนาพระพุทธภูมิต่อหน้าพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลสมเด็จองค์ปฐมที่หน้ากุฏิท่าน โดยปรารถนาพระพุทธภูมิแบบ " วิริยาธิกะพุทธภูมิ " โดยตกลงกันว่า องค์พี่จะเป็นพระพุทธเจ้าต้นกัป องค์กลางเป็นพระพุทธเจ้ากลางกัป ส่วนผมจะเป็นองค์สุดท้ายคอยเก็บบริวารของพี่ทั้งสองไปพระนิพพานให้หมด พอตอนออกพรรษาท่านหลวงพ่อให้ทำบุญกฐินแล้วปรารถนาพระพุทธภูมิอีกครั้ง โดยท่านอธิบายว่า " ถ้าได้ทำบุญกฐินแล้วปรารถนาพุทธภูมิ จะได้เป็นพระพุทธเจ้าสมปรารถนา " แล้วท่านก็เล่าเรื่องประวัติสมเด็จองค์พระปัจจุบัน สมัยเป็นพระโพธิสัตว์ทำบุญกฐินให้ฟัง

... สมัยที่ผมบวชอยู่ ได้รู้จักมักคุ้นกับท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิประมาณ ๘ คน สองคนเป็นอาจารย์ผม อีก ๖ คนเป็นศิษย์ท่านหลวงพ่อพัฒน์เหมือนกัน 

... หลังจากสึกมาเป็นคฤหัสถ์แล้วท่านก็สอนไว้ว่า " ให้พยายามทำบุญกฐินทุกปี ถวายสังฆทานบ่อยๆ ทำบุญวิหารทานและธรรมทานเท่าที่มีโอกาส รักษาศีล๕ และภาวนาพุทโธเอาไว้เสมอ  และพยายามรักษาสัจจะบารมี พูดหรือคิดอะไรแล้วต้องทำให้ได้ "

... ทุกวันนี้ผมมีกระปุกออมสินวางอยู่บนโต๊ะพระ ๔ ใบ ใบแรกทำบุญใส่บาตรวิระทะโยและค่าอาหารพระ ใบที่สองทำบุญทอดกฐินในพระพุทธศาสนา ใบที่สามทำบุญค่าน้ำค่าไฟกับสงฆ์วัดท่าซุง ใบที่สี่บุญสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานและร่วมทำบุญทุกอย่างกับทางสงฆ์วัดท่าซุง  พอสวดมนต์เช้าเสร็จก็หยอดกระปุกละ ๑ บาท แล้วอุทิศส่วนกุศล ตอนก่อนนอนสวดมนต์เสร็จก็หยอดกระปุกละ ๑ บาท แล้วอุทิศส่วนกุศล เมื่อหยอดได้ประมาณ ๓-๔ เดือนก็จะเอาไปหยอดตู้ที่บ้านหลวงพ่อที่ซอยสายลม โดยคำอุทิศส่วนกุศลของผมมีว่าอย่างนี้ครับ

... อิทํ ปุญฺญผลํ ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ข้าพเจ้าขออุทิศถวายส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านี้ เป็นพระพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เป็นปัจเจกพุทธบูชาแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เป็นธัมมะบูชาแด่พระธรรมอันเป็นเครื่องนำสัตว์ทั้งหลายออกจากทุกข์ และเป็นสังฆะบูชาแด่พระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ทั้งที่เป็นพระขีณาสพและพระเสขะบุคคลตลอดจนพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆ พระองค์

... ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในส่วนแห่งกุศลผลบุญที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลาย พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ที่ได้บำเพ็ญมาแล้วด้วยดี สาธุ
   
... อิทํ ปุญฺญผลํ ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติสนิทมิตรสหาย ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ภรรยา ลูกหลานบริวารทั้งหลายของข้าพเจ้า ตั้งแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้ด้วยเถิด
     
... และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านี้ ให้แก่ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยได้ล่วงเกินมาแล้วตั้งแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงได้ให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้านับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิด
     
... และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ ท่านเทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และท่านเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพและท่านพระยายมราช ขอท่านเทพเจ้าทั้งหลายและท่านพระยายมราช จงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงได้เป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในกาลวันนี้ด้วยเถิด
     
... และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านี้ ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เป็นญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี สัมภเวสี ภูตผี ปีศาจ  เปรต อสุรกายและบรรดาท่านทั้งหลายที่รอตัดสินโทษอยู่ ณ สำนักพระยายมราช ขอท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ถ้าหากท่านทั้งหลายยังไม่รู้จัก ขอท่านพระยายมราชและเทวดาทั้งหลาย จงบอกสัตว์เหล่านั้นให้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด
     
... อิทํ ปุญฺญผลํ ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ขอผลบุญทั้งหลายเหล่านี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุพระอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระพุทธะมหามุนีธัมมะสามีวิริยาธิกะสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต เพื่อจะปลดเปลื้องสัตว์ทั้งหลายจากวัฏฏะสงสาร เข้าสู่แดนเอกันตบรมสุข คือ พระนิพพาน
     
... ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังเป็นผู้มีบารมียังอ่อน ยังจักต้องเร่ร่อนไปในชาติภพใดใด ขอให้มีความเคารพเลื่อมใสศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ มีอัธยาศัยพอใจยิ่งในการให้ทาน ในการรักษาศีล ในการเจริญภาวนา มีกรรมฐาน ๔๐ สติปัฏฐาน๔  และวิปัสสนาญาณ๙ ตั้งมั่นอยู่ในจิตทุกชาติ มีทิพจักขุญาณและปัญญาญาณคล้ายๆพระสัพพัญญู มีปฏิภาณไหวพริบสติปัญญาความรู้เฉลียวฉลาดในศาสตร์ทั้ง ๑๘ ประการ มีความสามารถพูดจาโน้มน้าวใจคนที่ทำชั่วให้กลับตัวเป็นคนดีได้ มีกำลังกายเท่ากับพญาช้างสารเจ็ดเชือก ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิบ่อยๆ ได้เป็นผู้นำในการทำนุบำรุงยกยอค้ำชูพระพุทธศาสนาทั้งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์พระปัจจุบัน  และขององค์สมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายที่จักมาตรัสในอนาคตให้ตั้งมั่นยั่งยืนเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน มีความสามารถสงเคราะห์คนไทยทั้งปวงให้มีความสุข และขอความขัดข้องต่างๆ ความอดอยากยากจน ความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ คำว่าไม่รู้ คำว่าไม่มี คำว่าไม่สามารถทำได้ คำว่าไม่สำเร็จ คำว่าพ่ายแพ้ และคำว่าความปรารถนาไม่สมหวัง ความท้อแท้เหนื่อยหน่ายคลายความเพียรในการสร้างบารมี ๓๐ ทัศ ความท้อแท้เหนื่อยหน่ายคลายความเพียรในการสร้างพระโพธิญาณและการลาพุทธภูมิ จงอย่าพึงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเลย นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิด


... ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้ว  ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน  และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ขอผลบุญทั้งหลายเหล่านี้  จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าเกิดและมีชีวิตอยู่ทันสมัยที่องค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังประกาศพระศาสนา ขอให้ข้าพเจ้าได้พบองค์สมเด็จพระเมตไตรยบรมศาสดา และได้นอนทอดกายลงเป็นสะพานให้องค์สมเด็จพระพิชิตมารสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอริยะสงฆ์สาวกทั้งหลายได้เดินข้ามผ่าน ขอให้ได้ทำบุญถวายมหาทานแก่สงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานและได้ฟังพระสัทธรรมอันพรรณาคุณพระนิพพาน แล้วมีศรัทธาอันยิ่งใหญ่ตัดเศียรเกล้าออกบูชาองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระนิพพานธรรม   พร้อมกับกล่าวคำปรารถนาวิริยาธิกะพุทธภูมิแบบอุกฤษฏ์ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์องค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า  และให้ได้รับพระพุทธพยากรณ์เป็นพระวิริยาธิกะพุทธภูมินิยตะบรมโพธิสัตว์ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์ของสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยบรมศาสดาสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเถิด  สาธุ
     

... ด้วยบุญที่ข้าพเจ้ากระทำมาแล้ว  ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ  ขอผลบุญทั้งหลายเหล่านี้  จงเป็นปัจจัยให้ในกาลสมัยที่ข้าพเจ้าลงมาตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น  บังเกิดมีสิ่งเหล่านี้คือ
     

... ขอให้ข้าพเจ้าอุบัติในสารกัป  ถือกำเนิดในตระกูลแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ  ร่างกายสูงใหญ่ ๘๐ ศอก  มีอายุยืน ๑๐๐,๐๐๐ ปี  เห็นนิมิตเทวทูต คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะแล้ว  ออกมหาภิเนษกรมณ์ตอนมีอายุได้ ๑๐,๐๐๐ ปี   ด้วยยานคือปราสาท  ต้นปาริฉัตรเป็นพระศรีมหาโพธิ์  ใช้เวลาบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน ก็ได้บรรลุพระอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ  ตรัสเป็นพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลก  และเป็นพระพุทธเจ้าที่อายุมากเป็นพิเศษ คือ อธิษฐานให้อายุยืนถึงกึ่งกัป  มีเมตตามากเป็นพิเศษ  มีบริษัทบริวารมากเป็นพิเศษ  มีลาภสักการะมากเป็นพิเศษ มีลาภสักการะเกิดไม่ขาดสายเหมือนคลื่นในมหาสมุทรทั้ง ๔  ในกาลที่ได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ขอให้มีพระนามว่า สมเด็จพระพุทธะมหามุนีธัมมะสามีวิริยาธิกะสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มีพระฉัพพรรณรังสีพุทธรัศมีสว่างไสวแผ่ซ่านไปหาที่สุดมิได้ทั้งกลางวันกลางคืน และสว่างอยู่ตลอดอายุพระศาสนา มีฉัตรแก้ว ๙ ประการ  ๙  ชั้น กว้าง ๙  โยชน์ สูง ๙ โยชน์ กางกั้นอยู่เสมอ เวลาย่างเดินขอให้มีดอกบัวผุดรองรับทุกย่างก้าว  ในกาลที่ประกาศพระธรรมจักรนั้น  บรรดาฝูงมนุษย์ เทวดา และพรหมทั้งหลาย ๑๖ อสงไขย ได้ดื่มกินซึ่งน้ำอมฤตรส  คือ พระสัทธรรม  เห็นพระนิพพานอันมิรู้แก่รู้ตาย  มีพระอรหันตขีณาสพปฏิสัมภิทาญาณ  ๑ โกฏิ แวดล้อมอยู่เสมอ   พระศาสนาพระธรรมวินัยตั้งอยู่ ๑๐๐,๐๐๐ ปี หลังจากปรินิพพาน ตลอดศาสนายุกาลข้าพเจ้านั้นไม่มีเดียรถีย์มาเบียดเบียนพระศาสนาให้มัวหมอง  ผู้คนทุกทวีปน้อยใหญ่ในโลกนับถือพระพุทธศาสนาทั้งหมด  ส่วนใหญ่ ๙ ใน ๑๐ ส่วน เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เข้าถึง พระนิพพานหมด
     

... ในกาลที่ข้าพเจ้าตรัสเป็นพระวิริยาธิกะสัพพัญญูพุทธเจ้านั้น ขอให้มนุษย์ทั้งหลายมีร่างกายสูงใหญ่ได้ ๘๐ ศอก อายุยืนได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี หน้าตารูปกายทรวดทรงงดงาม ผิวกายละเอียดเป็นสีเหลืองคล้ายทองคำ มนุษย์ทุกคนมีศีล ๕ และ กรรมบถ ๑๐ ประจำใจ ทุกคนร่ำรวย มีความสุขกายสุขใจ  ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน  มีต้นกัลปพฤกษ์เกิดทุกหนทุกแห่งในโลก   และต้นกัลปพฤกษ์นี้ตั้งอยู่ตลอดอายุพระศาสนา  ผู้คนทั้งหลายได้อาศัยต้นกัลปพฤกษ์นี้ประพฤติเลี้ยงชีวิตอยู่เป็นสุขตลอดชีวิต  และมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำท่าข้าวปลาอาหาร แก้วแหวนเงินทอง  รัตนะทั้ง ๑๐ ประการ กองอยู่เดียระดาษทั่วโลก ผู้คนทั้งหลายไม่ต้องประกอบอาชีพอะไร มุ่งแต่เจริญสมถะกัมมัฎฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อยกตนออกจากวัฏฏะสงสารกันถ้วนหน้า  สมัยนั้นฝนตกทุก ๕ วัน ๗ วัน  อากาศเย็นสบายเหมือนดาวดึงสเทวโลก ผู้คนมีเมตตาจิตต่อกัน  สัญจรไปมาทางน้ำและทางบก  ไม่มีผู้ร้ายโจรขโมย
     

... ในกาลนั้นขอให้มีพระเจ้าจักรพรรดิเป็นศาสนูปถัมภกพระศาสนาของข้าพเจ้า  ผู้คนทั้งหลายไม่มีความประมาท  มีจิตเคารพต่อพระรัตนตรัยแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย  มีพระพุทธานุสติ  พระธัมมานุสติ พระสังฆานุสติเป็นอารมณ์  มีจิตน้อมไปในพระนิพพานอยู่เนืองนิจ  มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อกายแตกแล้วเข้าถึงพระนิพพานกันทุกคน  ผู้ปฏิบัติธรรมเจริญสมถะกัมมัฎฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน  พอจิตเข้าถึงอัปปนาสมาธิแล้วถอนมาพิจารณาวิปัสสนาญาณนิดหน่อยก็สามารถบรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณได้โดยง่ายตลอดพระศาสนายุกาลของข้าพเจ้า           
     

... ตลอดศาสนายุกาลของข้าพเจ้า  สามารถรื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหลายจากวัฏฏะสงสาร ทั้งฝูงมนุษย์ เทวดาและพรหมทั้งหลาย  ไปพระนิพพานมากมายเท่ากับเม็ดกรวดเม็ดทรายที่มีอยู่ในโลกใบนี้ทั้งหมด ให้อบายภูมิ เทวโลก และพรหมโลกร่อยหรอ บนเมืองแก้วกล่าว คือ พระนิพพาน แน่นขนัดยัดเยียดไปด้วยพระอรหันต์เถิด สาธุ


... ข้าพเจ้าขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างเอาพระบารมี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มีองค์สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ กันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค  หลวงปู่พระราชพรหมยาน  วัดท่าซุง พ่อแม่ครูบาจารย์หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต วัดป่าหนองผือ ครูบาจารย์เฒ่าหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล  วัดป่าบ้านคุ้ม  หลวงปู่กินรี  จันทิโย วัดป่ากัณตะศิลาวาส หลวงปู่ครูบาวัง  ฐิติสาโร ถ้ำชัยมงคลภูลังกา  หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง หลวงพ่ออภิญญา อาจาโร วัดป่าวิเวกอาศรม เป็นที่สุด พรหมและเทวดาทั้งหมด ปู่ย่าตายายทั้งหลาย พ่อแม่ทั้งหลาย ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ญาติสนิทมิตรสหาย ภรรยา ลูกหลานบริวารทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีจิตเมตตาโปรดช่วยอุ้มชูอนุเคราะห์สงเคราะห์ เกื้อหนุน เกื้อกูล แนะนำ ตักเตือน สั่งสอน และช่วยส่งเสริมในการสร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ของข้าพเจ้าทุกภพทุกชาติ จนกว่าบารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์สมบูรณ์ ครบถ้วน  ๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัป  และจนตราบเท่าได้สำเร็จแก่พระอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสเป็นพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกด้วยเถิด สาธุ ฯ. 

... ขอขอบพระคุณทีมงานเว็บพุทธภูมิและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ที่ให้โอกาสได้สนทนากับพุทธภูมิท่านอื่น มีอะไรก็แนะนำได้นะครับ ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 26, 2014, 08:43:46 AM โดย DHAMMASAMEE »

ออฟไลน์ Ninoman

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีคับ ผมชื่อโน่คับ ผมเป็นอีกคนที่ไม่คิดถึงเรื่องพุทธภูมิมาก่อน กระทั่งได้ศึกษาพระธรรม และพระพุทธประวัติ ทำให้เกิดความสงสัย และอยากรู้ขึ้นมาในใจตลอด เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานเพื่อสำเร็จพระอรหันต์ก็คงดีมากแล้วสำหรับตัวเอง แต่ยิ่งนานวันจนได้บวชเลยขออธิษฐานถึงพุทธภูมิ ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นได้ด้วยจิตนี้แต่อย่างใด แต่สิ่งเดียวที่ตั้งมั่นในใจคือพุทธภูมิ และไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ จำนวนมากขนาดนี้ ณ ตอนนี้ ยินดีครับ และคงต้องขอคำแนะนำจากทุกท่านเพื่อบำเพ็ญบารมีต่อไปครับ

ออฟไลน์ Waytal

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
สวัสดีครับ ขออนุโมทนากับผู้ปราถนาพุทธภูมิทุกท่านด้วยครับ ขอให้สำเร็จสมปราถนาทุกๆ คน ผมพึ่งเป็นสมาชิกใหม่ครับ ไม่ได้ปราถนาพุทธภูมิ แต่ปราถนาเพียงปัจเจกพุทธภูมิครับ ถ้ามีบุญได้สมดังปราถนาในอนาคตข้างหน้า เราคงได้สงเคราะห์บารมีให้พระโพธิสัตว์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต ขออนุโมทนาครับ

ออฟไลน์ Parintip

  • สมาชิก
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราได้ปรารถนาพุทธภูมิหรือไม่ และบำเพ็ญบารมีมาแบบไหน ขอบคุณค่ะ

ใจตัวเองตอนนี้รู้แต่ว่าเคารพและศรัทธาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู หลวงตาม้า มากๆค่ะ

ออฟไลน์ DHAMMASAMEE

  • สมาชิก
  • ***
  • กระทู้: 222
    • ดูรายละเอียด
... ได้ยินครูบาอาจารย์ของผมท่านบอกไว้ว่า

... ผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่สร้างบารมีมาพอสมควรแล้ว บารมีเก่าที่เคยทำมาแต่ครั้งอดีตจะมาดลใจให้ชอบใจในพระโพธิญาณเอง  และการบำเพ็ญบารมีมาแบบไหนนั้น ความชอบใจที่เกิดจากส่วนลึกของจิตจะบอกกับเราเอง ว่าเราสร้างมาอย่างใด วิริยาธิกะ สัทธาธิกะ ปัญญาธิกะ

... ถ้าไม่แน่ในใจก็จุดธูป ขอพระบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ ช่วยชี้ทางสว่างในการสร้างพระพุทธภูมิแก่ลูกด้วยเถิด